เรื่องเล่าจาก คนปั่นสามล้อและคนมุ่งทำเพื่อชนะตนเอง
สวัสดี วันเสาร์ค่ะ
วันนี้เรานั่งอยู่ในห้องเงียบๆ อ่านหนังสืออย่างเดียว พักค่ะ
หลายคนถามเราว่าทำไมถึงหยุดในบางเรื่อง
เรื่องออกกำลังกาย ไม่ได้หยุดนะคะ แค่มันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำทุกวัน เค้าถามเพราะเดี๋ยวนี้
เราไม่ค่อยโพสต์เรื่องออกกำลังกายเท่าไหร่
แต่ก็ทำทุกวัน เหตุผลเนื่องจาก
อะไรหลายอย่างเกิดคำถามว่าโพสต์ทำไมใครได้อะไรด้วย
เลยอยากจะหยิบเรื่องนี้มาเล่าค่ะ
คนปั่นสามล้อและคนมุ่งทำเพื่อชนะตนเอง
เราได้อ่านหนังสือ “ฉันอ่านฉันจึงเป็น” I
READ,THEREFORE I AM เพราะชอบหนังสือที่บอกเล่าว่า
บุคคลต่างๆชอบหนังสือแนวไหนได้วิธีในการจัดการระบบความคิดอย่างไร เราเริ่มกำหนดความชัดเจนในตัวจนของเราได้
หนังสือเล่มนี้
ชอบเพราะ สไตล์ของคนที่อ่านนั้นแตกต่างตามบุคลิกความคิด อาชีพ และสิ่งที่ทุกคนนั้นเป็นต่างกัน
แต่สิ่งที่เค้าเหล่านั้นมีคือ รักการอ่านเหมือนกัน
พอเปิดหน้ามาเจอหน้า
ในบทของคุณสาธิกา “พลังพิเศษของหนังสือ” ในข้อความหนึ่ง
ของหนังสือที่ยกตัวอย่างในนี้คือ “อินเดียจาริกด้านใน”
การเดินทางของจิตวิญญาณ ของอาจารย์ ประมวล เพ็งจันทร์ ซึ่งชอบในประสบการณ์ที่บอกว่า อาจารย์
เดินทางไปที่อินเดีย
ตั้งเป้าว่าจิตใจจะต้องไม่ขุ่นมัว
เบิกบานใจ จากนั้นก็ออกเดินทางจากเมืองหนึ่งไปเมืองหนึ่ง
เดินทางโดยไม่มีอะไรช่วย จากนั้นเดินไปได้ซักพักหนึ่ง
ชาวอินเดียที่เป็นคนขับสามล้อได้เข้ามาถามว่าเห็นว่าเป็นนักท่องเที่ยว คุณจะไปไหน
อาจารย์ตอบคำถามว่าไปเมืองนี้ แต่ว่าจะเดินไป คนปั่นสามล้อตอบว่า แต่ว่า
เมืองนี้ไกลมากเลยนะ นั่งรถไปก็ได้ แต่ด้วยปณิธานว่าจะเดินทางไปเอง ตามที่ได้สัญญากับตัวเองไว้
ว่าต้องทำให้ได้ตามสิ่งที่ค้นหาอยู่ และเดินต่อไปได้ซักพัก อาจารย์หยุดคิดได้ว่า “ เราตั้งความคิดเรื่องการเดินไว้ทำไมในเมื่อมันไม่ได้สอนให้เราเมตตากับเพื่อนมนุษย์”
ชายชาวอินเดียคนนั้นอาจต้องการเงินก็ได้ ทำไมเราไม่ช่วยเหลือเขา การเดินนี้ ช่วยอะไร
คิดได้อย่างนั้นอาจารย์จึงเรียกสามล้อว่าจะไป คนขับสามล้อดีใจมาก และอาจารย์ได้ถามถึงเรื่องครอบครัว
คนปั่นสามล้อจึงเล่าว่า เขาไม่ได้เงินมาสามวัน แล้ว ถ้าวันนี้ไม่ได้คงไม่รู้จะซื้ออะไรให้ลูกกิน
การนึกถึงแต่ตัวเองไม่นึกถึงคนอื่นเลย เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ของอาจารย์
แค่นี้ทำให้เราอยากไปหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านมาก
เราได้อะไรจากเรื่องนี้ ทำให้เราเลิกทำอะไรหลายอย่าง
มากเพราะเรารู้สึกว่าเราทำเพื่อเป้าหมายของตนเองคนเดียวไม่ได้ทำเพื่อคนอื่นเลย
ไม่มีเงินขอให้ใช้แรง ไม่มีโอกาสแค่เราอ่านหนังสือดีๆ
แล้วแบ่งปันความคิดดีไปสู่คนอื่น ส่วนใครจะตัดสินหรือคิดอย่างไร ก็แล้วแต่เขา
อย่างน้อยต้องมี 1
คนที่ได้ประโยชน์ล่ะค่ะ
บางครั้งการที่เรานึกถึงเป้าหมายของตนเองเกินไปทำให้เรา ขาด การเอื้ออาทรต่อคนรอบข้างคนที่ต้องการความช่วยเหลือ
น้ำใจที่เราไม่เคยให้ใคร สุดท้ายความแห้งเหือดในใจเราก็มากขึ้น ทำให้เราเข้าใจความหมายชีวิตว่าในขณะที่เราทำเพื่อตนเองเราแบ่งส่วนเล็กๆที่เราไหวทำเพื่อคนอื่นบ้าง
“จะมีประโยชน์อะไรหากเรามุ่งมั่นเพื่อชนะตนเองอย่างเดียวโดยที่สิ่งนั้นไม่เคยให้คนอื่นได้รับความเอื้ออาทรของเราเลย”
หากใครหมดหวังสู้ต่อไปค่ะ
ทาเคชิ ......จงเชื่อว่า ต้องมีซักวันที่สิ่งดีๆจะเกิดขึ้นกับเรา
แค่มันยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง
หลายๆคนบนโลกใบนี้เกิด
ขึ้นมาด้วยต้นทุนที่ต่างๆกัน แต่สิ่งที่เท่ากัน คือ ขนาดสมองที่จะเรียนรู้
การอ่านเป็นการพัฒนาตนเองที่ใช้ต้นทุนน้อยที่สุด
เพื่อที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า ได้ทันโลกภายในและภายนอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น