วันอังคาร, ตุลาคม 25, 2559

การบริจาคอวัยวะและร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่

สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้ รีบตื่นไปบริจาคเกล็ดเลือดกรุ๊ป AB เพื่อจะช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่ง เพิ่งกลับมาจากสนามหลวงในการไปกราบพ่อหลวงของไทยทุกคน เลยอยากจะเล่าประสบการณ์จากการไปครั้งนี้ โดยเชื่อมโยงกับข้อมูลในหนังสือหลายๆ เล่มที่ได้อ่านนะคะ การทำความดี เป็นเรื่องของความรู้ สึกเท่านั้น ทำอย่างไม่คาดหวัง นี่จะทำให้เรามีความสุข วันนี้ข้าพจ้าไปบริจาคเลือดหรือบริจาคทุกสิ่งอย่างก็ว่าได้ เตรียมทุกอย่างให้พร้อม ในหนังสือ ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็นเล่มที่ 1 นั้น ในเรื่องของความมหัศจรรย์ของจิต เกี่ยวกับเรื่องเซลล์ ในร่างกายเราประกอบด้วยเซลล์เม็ดเล็กๆ เต็มไปหมด เซลล์ผิวหนัง เซลล์เม็ดเลือด เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์เหล่านี้มีการเกิดดับอยู่ตลอดเวลา เซลล์เก่าของเราเมื่อตอนเด็กได้ดับสลายสูญสิ้นไปหมดแล้ว ในหนึ่งวันมีการเกิดดับของเซลล์ต่างๆ ในร่างกายเราเป็น 50,000 ล้านเซลล์ตายลงไปและเกิดขึ้นใหม่ทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่เซลล์เก่าตายไป เซลล์ใหม่สร้างขึ้นมาจะได้รับการสืบทอดคุณสมบัติบางอย่างจากเซลล์เดิมด้วย การบริจาคเลือดจึงเกี่ยวข้องกัน ร่างกายเรามีหลายอย่างที่สามารถเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นได้ 1. การบริจาคเลือด แน่นอนตรงนี้ทุกคนรู้อยู่แล้ว บริจาคได้ ปี ละ 4 ครั้ง แต่ก็ต้องบำรุงร่างกายเช่นกัน เสริมธาตุเหล็กดูแลตนเองให้แข็งแรง อันนี้ต้องรักตัวเองด้วยนะคะ บริจาคแล้วต้องเสริมธาตุเหล็กนะคะ ไม่งั้นเป็นเลือดจางเห็นจากคนรอบข้าง 2. การบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (Stem Cell) ต่อชีวิตให้คนทั้งคนเป็นความหวังเดียวที่จะรักษาผู้ป่วยโรคทางโลหิตให้หายขาดได้ในปัจจุบัน โรคที่สามารถรักษาได้ด้วยการปลูกถ่าย Stem Cellเช่น โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย, โรคโลหิตจางชนิดไขกระดูกฝ่อ,โรคมะเร็งเม็ดโลหิตขาวเฉียบพลัน / เรื้อรัง ,โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น รับโดยการที่เราลงทะเบียบเก็บตัวอย่างเลือดนิดหน่อยเพื่อตรวจหาว่า เราสามารถตรงกับผู้ป่วยหรือเปล่า อันนี้ถือว่า เหมือเล่นหวย ถ้ามีซักคนคงโชคดี เหมือนเปลี่ยนหรือให้ชีวิตเค้าได้เลย ก่อนทำจะลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครบริจาค Stem Cell เรามาตรวจสอบคุณสมบัติของผู้บริจาคโลหิตกันก่อน เนื่องจากการลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครบริจาค Stem Cell นั้น ต้องดำเนินการพร้อมการบริจาคโลหิต ที่สำคัยอายุไม่เกิน 50 ปี แต่เค้าจะเก็บตัวอย่างของเราไว้ตลอดอายุ 60 ปีเลยทีเดียว 3. การบริจาคร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ นั้น การบริจาคร่างกายเป็น “กายวิทยาทาน” มีคุณูปการต่อวงการแพทย์อย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่สนใจบริจาคร่างกายเพื่ออุทิศเป็นอาจารย์ใหญ่ สามารถติดต่อไปยังโรงเรียนแพทย์แต่ละแห่งได้ดังนี้ - โรงพยาบาลศิริราช : ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ตึกกายวิภาคศาสตร์ ชั้น 1 โรงพยาบาลศิริราช โทร.0-2419-7035 หรือ 0-2411-0241-9 ต่อ 7035 - โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ติดต่อที่แผนกอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา ศาลาฑินทัต โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โทร.0-2256-4628 และ 0-2256-4281 - โรงพยาบาลรามาธิบดี ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โทร.0-2254-5198 หรือ 0-2246-1358-74 ต่อ 4101, 4102 - คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ โทร.0-2260-1532, 0-2260-2234-5 ต่อ 4501 - โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า โทร.0-2246-0066 ต่อ 93606 สำหรับต่างจังหวัดสามารถบริจาคได้ที่โรงเรียนแพทย์ในภูมิภาค 4. บริจาคอวัยวะ ปัจจุบันมีผู้ป่วยในระยะสุดท้ายอยู่เป็นจำนวนมาก ที่ทุกข์ทรมานจากการที่อวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ, ตับ, ไต, ปอด ฯลฯ ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ วิธีรักษาทางการแพทย์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยเหล่านี้ คือ การปลูกถ่ายอวัยวะใหม่ ด้วยอวัยวะของผู้มีจิตศรัทธา ซึ่งได้แสดงเจตนารมณ์ในการบริจาคอวัยวะ หรือได้จากญาติที่มีความประสงค์จะบริจาคอวัยวะของบุคคลนั้น เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นมาปลูกถ่าย จึงจะช่วยให้ผู้ป่วยในระยะสุดท้ายมีชีวิตอยู่เป็นประโยชน์ต่อครอบครัวและ สังคมต่อไปได้ อวัยวะใหม่ที่สามารถนำมาปลูกถ่าย ได้แก่ หัวใจ, ตับ, ไต, ปอด, ตับอ่อน, กระดูก ฯลฯ ซึ่งได้มาจากการนำอวัยวะใหม่เปลี่ยนแทนอวัยวะเดิมที่เสื่อมสภาพ จนไม่สามารถทำหน้าที่ต่อไปได้ และการผ่าตัดนั้นจะเป็นการช่วยชีวิตผู้ป่วยในระยะสุดท้าย เพื่อให้อวัยวะใหม่นั้นทำงานแทนอวัยวะเดิม ขั้นตอนการบริจาค 1. กรอกรายละเอียดในใบแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะให้ชัดเจน ที่อยู่ควรจะตรงกับทะเบียนบ้าน (หากต้องการให้ส่งบัตรประจำตัวไปยังสถานที่อื่น กรุณาระบุ) 2. พิมพ์ใบแสดงความจำนงบริจาค ส่งเอกสารมายังศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย และเมื่อศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ ได้รับใบแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะของท่านแล้ว ศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ จะส่งบัตรประจำตัวผู้มีความจำนงบริจาคอวัยวะให้ตามที่อยู่ที่ได้ระบุไว้ 3. หลังจากที่ท่านได้รับบัตรประจำตัวผู้มีความจำนงบริจาคอวัยวะจากศูนย์รับ บริจาคอวัยวะฯ แล้ว อย่าลืมกรอกชื่อ และรายละเอียดการบริจาคลงในบัตร 4. กรุณาเก็บบัตรประจำตัวผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะไว้กับตัวท่าน หากสูญหายกรุณาติดต่อกับศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย คุณสมบัติของผู้บริจาคอวัยวะ 1. ผู้บริจาคอวัยวะต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปี 2. เสียชีวิตจากสภาวะสมองตายด้วยสาเหตุต่าง ๆ 3. ปราศจากโรคติดเชื้อ และโรคมะเร็ง 4. ไม่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน, หัวใจ, โรคไต, ความดันโลหิตสูง, โรคตับ และไม่ติดสุรา 5. อวัยวะที่จะนำไปปลูกถ่ายต้องทำงานได้ดี 6. ปราศจากเชื้อที่ถ่ายทอดทางการปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น ไวรัสตับอักเสบชนิดบี, ไวรัสเอดส์ ฯลฯ 7. กรุณาแจ้งเรื่องการบริจาคอวัยวะแก่บุคคลในครอบครัวหรือญาติให้รับทราบด้วย 5. การบริจาคดวงตา การบริจาคดวงตาเพื่อให้โอกาสแก่ผู้ที่สูญเสียดวงตาให้กลับมามองเห็นอีกครั้งนั้น ถือเป็นการทำกุศลที่ยิ่งใหญ่ การบริจาคดวงตาเพื่อให้โอกาสแก่ผู้ที่สูญเสียดวงตาให้กลับมามองเห็นอีกครั้งนั้น ถือเป็นการทำกุศลที่ยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังเป็นการให้ทานที่เชื่อกันว่าได้บุญมากมาย สามารถบริจาคได้ที่สภากาชาดไทย บุญจากการบริจาคร่างกาย ดวงตา โลหิต หากเจริญกุศลด้วยกุศลเจตนา ไม่ต้องคิดหวังผลใดๆ... เพราะกุศลที่อบรมให้เจริญขึ้น...เพียงเพราะเหตุผลเดียว คือการขัดเกลาค่ะ ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆท่านค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ทำไม NETFLX ถึงมีแต่คนโคตรเก่ง

 ทำไม NETFLX ถึงมีแต่คนโคตรเก่ง เน็ตฟลิกซ์ ทำหลายอย่างเพื่อเป็นตัวอย่างเรื่องความจริงใจอย่างหนึ่งคือทำกิจกรรมที่เราเรียกว่า “ริเริ่ม ยกเลิก ...