สรุปจากหนังสือกล้าที่จะถูกเกลียด ดีงาม
อัลเฟรด แอดเลอร์" นักจิตวิทยาผู้ได้รับการยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งการพัฒนาตนเอง#
.
.
1.ไม่มีใครอยู่ในโลกอย่างปราศจากอคติหรอก เราแต่ละคนล้วนอยู่ในโลกส่วนตัวที่ตัวเองเป็นคนปั้นแต่งขึ้นมาทั้งนั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่โลกเป็นอย่างไรอยู่ที่ว่าคุณเป็นอย่างไรต่างหาก
2.จงเลิกปราถนาการเป็นที่ยอมรับเมื่อไหร่ที่เราปราถนาเมื่อนั้นเรากำลังขาดอิสระภาพ เพราะตราบใดที่คุณยังไม่เลิกสนใจคำวิพากกษ์วจารณ์ ยังกลัวการถูกเกลียดยังต้องให้คนอื่นยอมรับ คุณก็ไม่สามารถใช้ชีวิตตามแบบที่ตัวเองปรารถนาอยู่ดี
3.เราจำเป็นต้องแยกแยะว่านี่เป็นธุระของใคร โดยตั้งคำถามว่านี่เป็นธุระของใคร
เกือบทุกปัญหาเกิดจากความสัมพันธ์มักมีสาเหตุมาจากการไปก้าวก่ายธุระของคนอื่นหรือไม่ก็คนอื่นมาก้าวก่ายธุระของเรา สุดท้ายแล้ววิธีที่จะรู้ว่า นั้นธุระของใคร สุดท้ายแล้วใครเป็นคนได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจนั้น
4.เลือกเส้นทางที่ตัวเองเชื่อว่าดีที่สุด ส่วนคนอื่นจะตัดสินการเลือกของคุณอย่างไรนั้นก็เป็นธุระของเขา คนอื่นจะชอบหรือเกลียดเรานั้นก็เป็นธุระของเขา ไม่ใช่กงการอะไรของเรา
5.การให้หรือช่วยใครก็ตามอย่าคาดหวังการตอบแทนการยอมรับตนเองเชื่อใจคนอื่น และช่วยเหลือผู้อื่น จะทำให้เป้าหมายในการมีชีวิตของเรานั้นสมบูรณ์ เพราะความต้องการพึ่งพาตนเองได้ มีความรู้สึกว่าเป็นคนที่มีความสามารถ เกิดขึ้นจากการยอมรับตนเอง และการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นในสังคมได้ดี รู้สึกว่าคนรอบข้างเป็นมิตร ก็เกิดจากการที่เรา เชื่อใจในคนอื่น และได้ช่วยเหลือผู้อื่น
6.เป้าหมายสูงสุดของความสัมพันธ์คือความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
ซึ่งจิตวิทยาปัเจกบุคคล individual psyschology มีรากศัพท์มาจากแบ่งแยกไม่ได้
จบ
.....
ชีวิตเรานั้น มีคุณค่าเมื่อทำภารกิจชีวิตทั้ง 3 ด้านได้สมบูรณ์ ทั้งด้านการงาน ด้านสังคม และด้านความรัก ดังนั้น อย่ามองชีวิตเพียงด้านเดียว
ท่านกล่าวไว้
อัลเฟรด แอดเลอร์" นักจิตวิทยาผู้ได้รับการยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งการพัฒนาตนเอง#
.
.
1.ไม่มีใครอยู่ในโลกอย่างปราศจากอคติหรอก เราแต่ละคนล้วนอยู่ในโลกส่วนตัวที่ตัวเองเป็นคนปั้นแต่งขึ้นมาทั้งนั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่โลกเป็นอย่างไรอยู่ที่ว่าคุณเป็นอย่างไรต่างหาก
2.จงเลิกปราถนาการเป็นที่ยอมรับเมื่อไหร่ที่เราปราถนาเมื่อนั้นเรากำลังขาดอิสระภาพ เพราะตราบใดที่คุณยังไม่เลิกสนใจคำวิพากกษ์วจารณ์ ยังกลัวการถูกเกลียดยังต้องให้คนอื่นยอมรับ คุณก็ไม่สามารถใช้ชีวิตตามแบบที่ตัวเองปรารถนาอยู่ดี
3.เราจำเป็นต้องแยกแยะว่านี่เป็นธุระของใคร โดยตั้งคำถามว่านี่เป็นธุระของใคร
เกือบทุกปัญหาเกิดจากความสัมพันธ์มักมีสาเหตุมาจากการไปก้าวก่ายธุระของคนอื่นหรือไม่ก็คนอื่นมาก้าวก่ายธุระของเรา สุดท้ายแล้ววิธีที่จะรู้ว่า นั้นธุระของใคร สุดท้ายแล้วใครเป็นคนได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจนั้น
4.เลือกเส้นทางที่ตัวเองเชื่อว่าดีที่สุด ส่วนคนอื่นจะตัดสินการเลือกของคุณอย่างไรนั้นก็เป็นธุระของเขา คนอื่นจะชอบหรือเกลียดเรานั้นก็เป็นธุระของเขา ไม่ใช่กงการอะไรของเรา
5.การให้หรือช่วยใครก็ตามอย่าคาดหวังการตอบแทนการยอมรับตนเองเชื่อใจคนอื่น และช่วยเหลือผู้อื่น จะทำให้เป้าหมายในการมีชีวิตของเรานั้นสมบูรณ์ เพราะความต้องการพึ่งพาตนเองได้ มีความรู้สึกว่าเป็นคนที่มีความสามารถ เกิดขึ้นจากการยอมรับตนเอง และการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นในสังคมได้ดี รู้สึกว่าคนรอบข้างเป็นมิตร ก็เกิดจากการที่เรา เชื่อใจในคนอื่น และได้ช่วยเหลือผู้อื่น
6.เป้าหมายสูงสุดของความสัมพันธ์คือความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
ซึ่งจิตวิทยาปัเจกบุคคล individual psyschology มีรากศัพท์มาจากแบ่งแยกไม่ได้
จบ
.....
ชีวิตเรานั้น มีคุณค่าเมื่อทำภารกิจชีวิตทั้ง 3 ด้านได้สมบูรณ์ ทั้งด้านการงาน ด้านสังคม และด้านความรัก ดังนั้น อย่ามองชีวิตเพียงด้านเดียว
ท่านกล่าวไว้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น