วันพฤหัสบดี, มีนาคม 24, 2559

เกิดเป็น HR ต้องแคร์ใคร ?

สรุปบทเรียนที่ได้ จากการเข้าสัมนา  HR ต้องแคร์ใคร
ประจำวันที่ 24 มีนาคม 2559

1.       บริบทโดยรวมของ HR (บทบาทมุมอง)  
ในเรื่องของการมองบทบาทการเป็น HR ท่านวิทยากรให้ความเห็น โดยยกตัวอย่าง  3 Sector เป็นในเรื่องของ ระดับบริหาร  CEO – President  line Manager และ สุดท้ายคือ บทบาทตัวของพนักงาน ที่มองในทัศนะบทบาทที่แตกต่างกัน โดยสำคัญ คือ  HR ต้องยืนในบทบาทของแต่ละคนก่อนให้เข้าใจทัศนวิสัยในการทำหน้าที่ เพื่อที่จะเลือกทำหรือเดินในกลยุทธ์ที่ให้เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา  ที่วิทยากรยกตัวอย่างมาในส่วนของ  HR ต้องรู้ว่าพนักงานหรือในแต่ละส่วนต้องการอะไร
-          CEO ต้องการ HR ในบทบาท เชิงรุกที่สามารถบริหารต้นทุน มองไปข้างหน้า อนาคตการวางแผน เปรียบเทียบช่วยเป็นมือขาวของผู้บริหาร ต้องรู้ธุรกิจที่ทำและธุรกิจคู่แข่ง
-          Line  Manager   การกำหนดบทบาทที่ ส่วนนี้ต้องมีหน้าที่ในการบริหารจัดการคนเพื่อกำหนดหน้าที่ HR ต้องส่งมอบบริการที่รวดเร็ว เพื่อให้ สายการทำงาน Flow
-          ส่วนตัวพนนักงาน HR ต้องมีส่วนช่วยในการกำหนดและรู้ความต้องการของแต่ละคนเพื่อออกแบบ ในเรื่องของ  Compensation , Welfare รวมถึงระบบการประเมินผลที่ยุติธรรม และโอกาสในการพัฒนาของพนักงาน
2.       ปัจจัยหลักที่ทำให้ HR สามารถสร้างคุณค่าให้กับองค์กร
ความพร้อมในการเป็น Professional การรู้ Market share ของธุรกิจ  วิทยากรยกตัวอย่างมาในเรื่องของ การแจ้งผลการรับพนักงานสรรหาคนเข้าทำงาน เราแจ้งเค้าหรือเปล่า ว่าไม่ได้รับ เพื่อที่จะสร้าง ความสัมพันธ์ของคนในองค์กรและความเชื่อถือ
3.       การบริหารคนที่ต้องมีความสัมพันธ์กันให้รอบด้าน
ทางวิทยากรให้ความเห็นว่า การแบ่งหน้าที่ในส่วนที่รับผิดชอบ แต่ละบทบาทต้องทำงานสัมพันธ์กันใน ด้านธุรกิจและภายในองค์กรทั้งส่วนของพนักงาน บริหาร และ ลูกค้าหลายๆบริษัทเป็นการจ้าง ที่ปรึกษามากขึ้น เพื่อผลักดันความสำเร็จขององค์กร



4.       ทักษะที่ HR ควรมีในยุคปัจจุบัน และอนาคต เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของบุคคลในอนาคตเช่น  คนแต่ละ Generation  ตรงนี้ทางวิทยากรยกตัวอย่างในส่วน ของ HR ต้องเป็น Business Partner (HRBP) Model ยกตัวอย่าง SCG ที่มีการแยก HR มาเป็นหน่วยการเพื่อเป็นส่วนหารายได้ ในการทำงาน มองเป็น Partner และ  Support ในแต่ละธุรกิจ ซึ่งต้องมีประสบการณ์มาก
5.       บทบาทของ HR ที่ต้องทำในเรื่องการสื่อสาร  เช่นวิทยากร ยกตัวอย่างบทบาทด้านการสื่อสาร ซึ่งในสมัยปัจจุบัน คนต้องการได้รับการยอมรับ การเห็นคุณค่า การมีตัวตนในตัวเองสูง พูดถึงพนักงานที่ทำงาน Flexible Working (ให้ลูกจ้างเลือกเวลาทำงานที่สะดวก) ในอนาคต Hr ต้องสมารถวิเคราะห์เลือกได้ว่า งานไหนที่สามารถทำที่บ้านได้บ้างเพื่ออกแบบโครงสร้างต่างๆได้เหมาะสมและให้ได้งาน
ซึ่ง การสื่อสารทำความเข้าใจกับพนักงานให้ดี บางองค์กรใความสำคัญในเรื่องนี้
ในส่วนการยกตัวอย่าง HR ต้องดูในเรื่องของการประหยัดต้นทุนการทำงานและอื่นๆ ที่ต้องบริหารจัดการ การประเมินที่ต้องเป็นธรรม เพราะ คน Gen-y จะเข้ามาทำงานนั้น ข้อมูลถึงมากขึ้น เค้าจะค่อนข้างแอนตี้ และการทำงานที่สร้างสรรค์มากขึ้น เช่น การเปลี่ยน Process การทำงานให้ดีขึ้นเช่น การลดต้นทุน กระดาษ การสร้างนวัตกรรมการปรับกระบวนการทำงาน
6.       บทบาทของ HR ยุคใหม่  Hr ต้องเป็นผู้เล่น จากเดิมที่เป็นส่วน support อย่างเดียว เข้าไปสู่การลงลุยงานและเพิ่มบทบาทกลยุทธ์มากยิ่งขึ้น เพื่อผลักดัน KPI ต้องรู้และผลักดันทุกบทบาท การเงิน  กรบวนการทำงาน การตลาด ที่ในยุคปัจจุบัน  HR Marketing มากขึ้น เพื่อส่งต่อบริการและ service ที่มากขึ้น ต้องผลักดันให้เกิด  attract Retain  Motivate แต่ละองค์กรต้องมี Barnd จริยธรรมและการเรียนรู้ CEO – President  line Manager และ สุดท้ายคือ บทบาทตัวของพนักงาน ทำหน้าที่ต่างกัน
5. การนั่งบทบาทของแต่ละหน้าที่ เช่น การรู้ Mindset ของ CEO Manager และ และพนักงาน ความเข้าใจในบทบาท ธุรกิจ การผลักดันให้ CEO สามารถวักคุณค่าของ งาน HR ได้ HR ต้องเข้าใจ ต้นทุน การประหยัดและ การหารายได้จาก Product ที่มี
ช่วงที่ 2 จะเป็นการ ความรู้ในเรื่อง การดูแลพนักงานพูดในเรื่องของการจัดสรรดูแลพนักงานในแต่ละ งาน แต่ละ gen  การสร้างวัฒนาธรรมและวิธีการที่จะทำให้พนักงานมีความสุข พูด ถึง HR ยุค 3.0 ที่มีบทาทการพัฒนามองมาจาก  การตลาดยุค 3.0 ที่เชื่อโยงกับวิทยากรท่านแรกพูดถึง การเปลี่ยนผ่านไป HR ยุคใหม่ที่ ทำกลยุทธให้เหมาะสมกับ ความสมดุลของชีวิต  เป็น How to การส่งเสริมและเห็นคุณค่าภายใน  ให้เหมาะสม กับคนในปัจจุบัน เช่น การจัดกิจจกรรม ความสุข 8 ประการ การจัดกิจกรรมสวัสดิการเพื่อตอบโจทย์ให้มีความสมดุลมากขึ้น
ซึ่งสุดท้าย วิทยากรให้ความสำคัญในเรื่องการสื่อสาร ตั้งแต่ ตอนรับคน ดูแล พัฒนาให้ผลตอบแทน การสร้างวัฒนธรรมและการบริหารจัดการคน แต่ละ Gen มากยิ่งขึ้น และการให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม


สุดท้ายสิ่งที่ได้เรียนรู้ คือ วิธีจัดการและการทำงานให้เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน รวมไปถึงการพัฒนาวิธีการทำงานให้เกิดนวัตกรรมที่ดีมากยิ่งขึ้น และ ประสบการณ์ของการเจอวิกฤติ ที่เป็นช่วงเวลาที่ต้องเตรียมคนให้พร้อมเพื่อรับมือกับวิกฤติให้มากที่สุด และในอีก 5 ปีข้างหน้าที่คน Gen จะเข้ามาในองค์กรมากยิ่งขึ้น การเตรียมพร้อมกลยุทธ์ในการรับคน การออกแบบลักษณะของการทำงาน ค่าตอบแทน เวลาการทำงาน และที่ทำงานให้สอดคล้องสมกับสภาพที่เปลี่ยนไป ให้องค์กร  ซึ่งเนเรื่องที่ HR ต้องทำความเข้าใจและให้ข้อมูลแก่ผู้บริหารได้ ส่วนการจะเลือกแคร์ใครนั้น ต้องดูและวิเคราะห์สภาพของธุรกิจและให้ความสำคัยกับทุกๆด้าน




ขอบคุณที่ได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องดีๆ  ค่ะ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ทำไม NETFLX ถึงมีแต่คนโคตรเก่ง

 ทำไม NETFLX ถึงมีแต่คนโคตรเก่ง เน็ตฟลิกซ์ ทำหลายอย่างเพื่อเป็นตัวอย่างเรื่องความจริงใจอย่างหนึ่งคือทำกิจกรรมที่เราเรียกว่า “ริเริ่ม ยกเลิก ...