วันจันทร์, ตุลาคม 31, 2559
FutureMinds
ของฝากจาก ห้องสมุด
ตลาดหลักทรัพย์ แนะนำเลยค่ะ
2 ชม.เงียบๆ กับเล่มนี้
หนังสือเล่มนี้ ดีมาก ค่ะ เป็นหนังสือที่ CEO หลายๆท่านแนะนำให้อ่าน !!!! #futureminds ในเมื่อทุกอย่างถูกเกี่ยวกับ เทคโนโลยีไปหมด จนบางครั้ง เราจัดการกับมันไม่ได้ ทุกอย่างรวดเร็วและ 24 ชั่วโมง คำว่า เดี๋ยวนี้ ดีจริงหรือ
บางครั้งทำให้เกิดปัญหาในครอบครัว
ปัญหาด้านจิตใจ ปัญหาการทำร้ายกันทาง ออนไลน์
กับยุคข้อมูลที่เยอะและมหาศาลในยุคปัจจุบัน ผลดีและเสีย อธิบายในเชิงงานวิจัยได้น่าสนใจ ที่สำคัญ จริงๆ ไม่จริง เรารับมันแค่ผิวเผิน
ออนไลน์ ทำให้จิตใจ วุ่นวาย
ออฟไลน์ ทำให้จิตใจนิ่งขึ้น !!!!
เป็นหนังสือที่ทำให้เข้าใจ โลกดิจิตอลมากยิ่งขึ้น และจัดการตัวเอง
สงสัย เราต้องจำกัดเวลา ในการเล่น เป้าหมายในการใช้ แล้วล่ะ
#เทคโนโลยีให้ประโยชน์ฉันใดโทษก็มหันต์ฉันนั้น
วันพุธ, ตุลาคม 26, 2559
ความโชคดี ทางเศรษฐศาสตร์
ความโชคดี
วันนี้ได้อ่านเจองานทดลองของเศรษฐศาสตร์เกี่ยวกับความโชคดี
งานทดลองชื่อ
"Inattentional blindness"
ของ ศาสตราจารย์ริชาร์ด ไวส์แมน ระยะ กว่า 10 ปี โดยวิธีทดลองกลุ่มตามแบบแผนของบุคลิกภาพ
เหตุผลที่ทำให้พบกับความโชคดี มีอยู่ด้วยกัน 4 อย่าง
1.สภาพจิตใจที่ผ่อนคลายกับชีวิต
2.เชื่อในสัญชาตญาณของตนเอง
3.มองโลกในแง่ดีที่ต่อสู้กับความล้มเหลว
4.เปลียนโชคร้ายให้เป็นประโยชน์
ซึ่งสรุปได้ว่า คนที่มีโชคเป็นคนเปิดกว้างต่อโอกาสรอบตัว
ด้วยการตั้งคำถามว่า ทำไมความโชคดีจึงเกิดขึ้นซ้ำๆกับคนเหล่านี้
เผื่อใครนำไปใช้ได้บ้าง
Cr.หนังสือ ราคาคือของจริง
ภาพ https://asset.mebmarket.com/…/ser…/10919/Thumbnail/large.gif
วันอังคาร, ตุลาคม 25, 2559
การบริจาคอวัยวะและร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ
เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้ รีบตื่นไปบริจาคเกล็ดเลือดกรุ๊ป AB เพื่อจะช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่ง เพิ่งกลับมาจากสนามหลวงในการไปกราบพ่อหลวงของไทยทุกคน
เลยอยากจะเล่าประสบการณ์จากการไปครั้งนี้ โดยเชื่อมโยงกับข้อมูลในหนังสือหลายๆ เล่มที่ได้อ่านนะคะ
การทำความดี เป็นเรื่องของความรู้ สึกเท่านั้น ทำอย่างไม่คาดหวัง นี่จะทำให้เรามีความสุข
วันนี้ข้าพจ้าไปบริจาคเลือดหรือบริจาคทุกสิ่งอย่างก็ว่าได้ เตรียมทุกอย่างให้พร้อม
ในหนังสือ ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็นเล่มที่ 1 นั้น ในเรื่องของความมหัศจรรย์ของจิต
เกี่ยวกับเรื่องเซลล์ ในร่างกายเราประกอบด้วยเซลล์เม็ดเล็กๆ เต็มไปหมด เซลล์ผิวหนัง เซลล์เม็ดเลือด เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์เหล่านี้มีการเกิดดับอยู่ตลอดเวลา เซลล์เก่าของเราเมื่อตอนเด็กได้ดับสลายสูญสิ้นไปหมดแล้ว ในหนึ่งวันมีการเกิดดับของเซลล์ต่างๆ ในร่างกายเราเป็น 50,000 ล้านเซลล์ตายลงไปและเกิดขึ้นใหม่ทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่เซลล์เก่าตายไป เซลล์ใหม่สร้างขึ้นมาจะได้รับการสืบทอดคุณสมบัติบางอย่างจากเซลล์เดิมด้วย การบริจาคเลือดจึงเกี่ยวข้องกัน
ร่างกายเรามีหลายอย่างที่สามารถเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นได้
1. การบริจาคเลือด แน่นอนตรงนี้ทุกคนรู้อยู่แล้ว บริจาคได้ ปี ละ 4 ครั้ง แต่ก็ต้องบำรุงร่างกายเช่นกัน เสริมธาตุเหล็กดูแลตนเองให้แข็งแรง อันนี้ต้องรักตัวเองด้วยนะคะ บริจาคแล้วต้องเสริมธาตุเหล็กนะคะ ไม่งั้นเป็นเลือดจางเห็นจากคนรอบข้าง
2. การบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (Stem Cell) ต่อชีวิตให้คนทั้งคนเป็นความหวังเดียวที่จะรักษาผู้ป่วยโรคทางโลหิตให้หายขาดได้ในปัจจุบัน โรคที่สามารถรักษาได้ด้วยการปลูกถ่าย Stem Cellเช่น โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย, โรคโลหิตจางชนิดไขกระดูกฝ่อ,โรคมะเร็งเม็ดโลหิตขาวเฉียบพลัน / เรื้อรัง ,โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น รับโดยการที่เราลงทะเบียบเก็บตัวอย่างเลือดนิดหน่อยเพื่อตรวจหาว่า เราสามารถตรงกับผู้ป่วยหรือเปล่า อันนี้ถือว่า เหมือเล่นหวย ถ้ามีซักคนคงโชคดี เหมือนเปลี่ยนหรือให้ชีวิตเค้าได้เลย ก่อนทำจะลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครบริจาค Stem Cell เรามาตรวจสอบคุณสมบัติของผู้บริจาคโลหิตกันก่อน เนื่องจากการลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครบริจาค Stem Cell นั้น ต้องดำเนินการพร้อมการบริจาคโลหิต ที่สำคัยอายุไม่เกิน 50 ปี แต่เค้าจะเก็บตัวอย่างของเราไว้ตลอดอายุ 60 ปีเลยทีเดียว
3. การบริจาคร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ นั้น การบริจาคร่างกายเป็น “กายวิทยาทาน” มีคุณูปการต่อวงการแพทย์อย่างยิ่ง
สำหรับผู้ที่สนใจบริจาคร่างกายเพื่ออุทิศเป็นอาจารย์ใหญ่ สามารถติดต่อไปยังโรงเรียนแพทย์แต่ละแห่งได้ดังนี้
- โรงพยาบาลศิริราช : ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ตึกกายวิภาคศาสตร์ ชั้น 1 โรงพยาบาลศิริราช โทร.0-2419-7035 หรือ 0-2411-0241-9 ต่อ 7035
- โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ติดต่อที่แผนกอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา ศาลาฑินทัต โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โทร.0-2256-4628 และ 0-2256-4281
- โรงพยาบาลรามาธิบดี ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โทร.0-2254-5198 หรือ 0-2246-1358-74 ต่อ 4101, 4102
- คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ โทร.0-2260-1532, 0-2260-2234-5 ต่อ 4501
- โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า โทร.0-2246-0066 ต่อ 93606
สำหรับต่างจังหวัดสามารถบริจาคได้ที่โรงเรียนแพทย์ในภูมิภาค
4. บริจาคอวัยวะ
ปัจจุบันมีผู้ป่วยในระยะสุดท้ายอยู่เป็นจำนวนมาก ที่ทุกข์ทรมานจากการที่อวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ, ตับ, ไต, ปอด ฯลฯ ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ วิธีรักษาทางการแพทย์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยเหล่านี้ คือ การปลูกถ่ายอวัยวะใหม่ ด้วยอวัยวะของผู้มีจิตศรัทธา ซึ่งได้แสดงเจตนารมณ์ในการบริจาคอวัยวะ หรือได้จากญาติที่มีความประสงค์จะบริจาคอวัยวะของบุคคลนั้น เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นมาปลูกถ่าย จึงจะช่วยให้ผู้ป่วยในระยะสุดท้ายมีชีวิตอยู่เป็นประโยชน์ต่อครอบครัวและ สังคมต่อไปได้
อวัยวะใหม่ที่สามารถนำมาปลูกถ่าย ได้แก่ หัวใจ, ตับ, ไต, ปอด, ตับอ่อน, กระดูก ฯลฯ ซึ่งได้มาจากการนำอวัยวะใหม่เปลี่ยนแทนอวัยวะเดิมที่เสื่อมสภาพ จนไม่สามารถทำหน้าที่ต่อไปได้ และการผ่าตัดนั้นจะเป็นการช่วยชีวิตผู้ป่วยในระยะสุดท้าย เพื่อให้อวัยวะใหม่นั้นทำงานแทนอวัยวะเดิม
ขั้นตอนการบริจาค
1. กรอกรายละเอียดในใบแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะให้ชัดเจน ที่อยู่ควรจะตรงกับทะเบียนบ้าน (หากต้องการให้ส่งบัตรประจำตัวไปยังสถานที่อื่น กรุณาระบุ)
2. พิมพ์ใบแสดงความจำนงบริจาค ส่งเอกสารมายังศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย และเมื่อศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ ได้รับใบแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะของท่านแล้ว ศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ จะส่งบัตรประจำตัวผู้มีความจำนงบริจาคอวัยวะให้ตามที่อยู่ที่ได้ระบุไว้
3. หลังจากที่ท่านได้รับบัตรประจำตัวผู้มีความจำนงบริจาคอวัยวะจากศูนย์รับ บริจาคอวัยวะฯ แล้ว อย่าลืมกรอกชื่อ และรายละเอียดการบริจาคลงในบัตร
4. กรุณาเก็บบัตรประจำตัวผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะไว้กับตัวท่าน หากสูญหายกรุณาติดต่อกับศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย
คุณสมบัติของผู้บริจาคอวัยวะ
1. ผู้บริจาคอวัยวะต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปี
2. เสียชีวิตจากสภาวะสมองตายด้วยสาเหตุต่าง ๆ
3. ปราศจากโรคติดเชื้อ และโรคมะเร็ง
4. ไม่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน, หัวใจ, โรคไต, ความดันโลหิตสูง, โรคตับ และไม่ติดสุรา
5. อวัยวะที่จะนำไปปลูกถ่ายต้องทำงานได้ดี
6. ปราศจากเชื้อที่ถ่ายทอดทางการปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น ไวรัสตับอักเสบชนิดบี, ไวรัสเอดส์ ฯลฯ
7. กรุณาแจ้งเรื่องการบริจาคอวัยวะแก่บุคคลในครอบครัวหรือญาติให้รับทราบด้วย
5. การบริจาคดวงตา
การบริจาคดวงตาเพื่อให้โอกาสแก่ผู้ที่สูญเสียดวงตาให้กลับมามองเห็นอีกครั้งนั้น ถือเป็นการทำกุศลที่ยิ่งใหญ่ การบริจาคดวงตาเพื่อให้โอกาสแก่ผู้ที่สูญเสียดวงตาให้กลับมามองเห็นอีกครั้งนั้น ถือเป็นการทำกุศลที่ยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังเป็นการให้ทานที่เชื่อกันว่าได้บุญมากมาย สามารถบริจาคได้ที่สภากาชาดไทย
บุญจากการบริจาคร่างกาย ดวงตา โลหิต
หากเจริญกุศลด้วยกุศลเจตนา
ไม่ต้องคิดหวังผลใดๆ...
เพราะกุศลที่อบรมให้เจริญขึ้น...เพียงเพราะเหตุผลเดียว
คือการขัดเกลาค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆท่านค่ะ
วันจันทร์, ตุลาคม 24, 2559
หลักในการทรงงานของในหลวง 23 ข้อมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต
จากพระราชดำรัสในหลวง.."ทำงานกับฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้ ฉันมีแต่ความสุขที่ร่วมกันในการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นเท่านั้น"
ในยามที่ประเทศไทย สูญเสีย ข้าพเจ้า รู้สึกเสียใจตั้งแต่รู้วันแรกและคนอื่นๆในประเทศคงไม่แพ้กัน ทุกอย่างเงียบงัน
พ่อเคยกล่าว เคยสอนหลายๆสิ่ง หลายอย่างๆ ประเทศเราโชคดีมีพระองค์เป็นแบบอย่างในหลายๆเรื่อง ทุกคนคงทราบดีอยู่แล้ว
ข้าพเจ้า ขอน้อมนำ หลักในการทำงาน เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ ในยามที่เราหลงทาง
เราโชคดีหลายๆอย่างที่เกิดในแผ่นดินไทย อย่างน้อยชีวิตเรามีโอกาส สิทธิเสรีภาพมาก หากเราลองศึกษาประแทศหลายๆประเทศที่ประสบความยากลำบากเราจะรู้ว่า เราโชคดีมาก ไม่รู้ว่าจะเขียน อะไรเพราะเกินคำบรรยาย หลายๆอย่างที่พ่อทำทรงทำให้เราก้าวเดินไปข้างหน้าจริงๆ
วันนี้ขอน้อมนำหลักใน การทรงงานของในหลวง 23 ข้อมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต
ข้อที่ 1 จะทำอะไรต้องศึกษาข้อมูลให้เป็นระบบ
อดีตทำอะไรมาบ้าง ทั้งเอกสาร สอบถามเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน เพื่อนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ได้จริงๆ เช่นงานยาเสพติด ต้องดู
ข้อมูลให้ลึกซึ้ง ทำไมทำงานไม่สำเร็จ ต้องศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ทั้งการพูดคุย การดูตัวเลข แต่อย่าให้ตัวเลขมาหลอกเราได้ ผู้ยิ่งใหญ่เห็นแต่ภาพสวยหรู แท้ที่จริงเละตุ้มเป๊ะ แม้ทำไม่ได้ มีปัญหาตัวเลข ก็สวยหรู เพราะมีการคาดโทษ ต้องยอมรับ ความจริงก่อน แล้วลงมือแก้ไข
ข้อที่ 2 ระเบิดจากภายใน
สร้างความเข้มแข็งจากภายในให้เกิดความเข้าใจ และอยากทำ มิใช่สั่งให้ทำ คนไม่เข้าใจจะไม่ทำ แยกให้ออกระหว่างคุณค่า
กับมูลค่า ว่ามีเหตุผล็อย่างไรจึงควรทำ
ข้อที่ 3 แก้ปัญหาจากจุดเล็ก
มองภาพรวมก่อนเสมอ แต่การแก้ปัญหาต้องเริ่มจากจุดเล็กๆ ไม่เริ่มทีเดียวใหญ่ ๆ และควรมองในสิ่งที่มักจะมองข้าม ถ้าปวดหัวคิดอะไรไม่ออก ให้คิดแก้ปวดหัวก่อน เป็นคำพูดที่ฟังดูตลก แต่ลึกซึ้ง คิดใหญ่ทำเล็ก คิดกว้างทำแคบ คิดละเอียดทำหยาบ
ลงมือทำในจุดเล็กๆ ก่อน สำเร็จแล้วจึงค่อยขยาย มิใช่สั่งทำพร้อมกันทั่วประเทศ ดูดี แต่ลงทุนสูงได้ผลน้อย ในที่สุดทุกคนก็จะหมดแรง เพราะมีแต่คนสั่งคนทำมีอยู่ไม่กี่คน
ข้อที่ 4 ทำตามลำดับขั้น
เริ่มทำจากความจำเป็นก่อน สิ่งที่ขาดคือสิ่งที่จำเป็น เช่น ประชาชนต้องแก้ปัญหาเรื่องสุขภาพก่อน จากนั้น
ก็ไปแก้ที่สาธารณูปโภค แล้วต่อด้วยการประกอบอาชีพ ถ้าทำเป็นขั้นเป็นตอน ก็จะทำให้สำเร็จได้ง่าย เช่น งาน
ยาเสพติดรักษา --> ส่งเสริม --> ฟื้นฟู -->กลับอยู่ใน สังคมปกติ เป็นคนดีของชาติ
ข้อที่ 5 ภูมิสังคม ภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์
การทำงานทุกอย่าง ต้องคำนึงถึงภูมิศาสตร์ว่า อยู่แถบ ไหน อากาศเป็นอย่างไร ติดชายแดน ติดทะเล และ
สังคมของเราเป็นอย่างไร นับถือศาสนาอะไร คนนิสัยใจคอเป็นอย่างไร รวมไปถึงพวกเรากันเองด้วย ถ้าไม่รู้ เขารู้เราจะรบชนะได้อย่างไร สั่งทำโครงการทั่วประเทศ ไม่ได้ ต้องดูเฉพาะพื้นที่ กระทรวงสาธารณสุขออกแบบ สถานีอนามัยเหมือนกันทั่วประเทศ บางครั้งก็ไม่ดีนัก
ข้อที่ 6 ทำงานแบบองค์รวม
โดยคิดความเชื่อมโยง ทรงมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมีแนวโน้มทางแก้ไขอย่างเชื่อมโยง องค์รวม <-------------> ครบวงจร เชื่อมโยง “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” เป็นคำพูด ที่ฟังแล้วโอเวอร์ไปหน่อย แต่ก็จริง ทุกสิ่งล้วนเกี่ยวพันกัน แยกออกจากกันโดยเด็ดขาดมิได้
ข้อที่ 7 ไม่ติดตำรา
ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด บางครั้งเรายึดทฤษฎีจนเกินไปทำอะไรไม่ได้เลย สิ่งที่เราทำบางครั้งต้องโอบอ้อมต่อสภาพธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สังคม จิตวิทยาด้วย
ข้อที่ 8 ประหยัด
เรื่องง่ายได้ประโยชน์สูงสุด ทำได้เอง หาได้เองในท้องถิ่น ใช้เทคโนโลยีเรียบง่าย เช่น ปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก ปล่อย
ให้ขึ้นเอง บางครั้งมีพิธีกรรมใหญ่โตผู้ยิ่งใหญ่ทำพิธีปลูกป่าโดยนำรถไถไปไถที่ให้เรียบเพื่อปลูกป่า โดยทำลายต้นไม้ ไปมากมาย น่าตลก เรื่องเช่นนี้ยังมีในสังคมไทยมากมาย กรอบแนวคิด Input ----> Process ----> Output ประหยัด
เรียบง่าย ประโยชน์สูงสุด
ข้อที่ 9 ทำให้ง่าย
ทำอะไรให้ง่ายๆ ทำให้ชีวิตง่าย โปรดรับสั่งทำสิ่งยากๆ ให้กลายเป็นิส่งที่ง่ายๆ นักข่าวชาวฝรั่งเศสถามพระองค์ว่า
พระองค์ทรงงานแบบใด ท่านตรัสตอบเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า “ซิมปลีฟีเย่” ซึ่งภาษาอังกฤษแปลว่า ซิมพลีฟาย(simplify)
ภาษาไทยแปลว่า ทำให้ง่าย คนส่วนใหญ่ชวนทำสิ่งง่ายๆ ให้เป็นสิ่งยากๆ ผมบอกเจ้าหน้าที่งานยาเสพติดว่า ถ้าใคร โทรศัพท์มาของความช่วยเหลือ ให้ถามเขาคำแรกว่า “คุณจะให้ผมไปหาคุณหรือคุณจะมาหาผมเดี๋ยวนี้”
ข้อที่ 10 การมีส่วนร่วม
เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น หัดทำใจให้หนักแน่น รับฟังความคิดเห็นการรับฟังคือ การเก็บความคิด เราจะประมวลความคิดเพื่อมาใช้ประโยชน์
ข้อ 11 ต้องยึดประโยชน์ส่วนรวม
จากพระราชดำรัส ใครต่อใครชอบบอกให้นึกถึงประโยชน์ส่วนรวม ให้ส่วนรวมคือการช่วย ตัวเองด้วย เพราะเมื่อส่วนรวมได้ประโยชน์ เราเองก็ได้ประโยชน์ การช่วยกันแก้ปัญหา ยาเสพติด ส่วนรวมได้ประโยชน์ ลูกหลานเราก็ปลอดภัยจากยาเสพติดด้วยประเทศชาติอยู่ไม่ได้ อย่าหวังเลยว่าเราจะอยู่ได้
ข้อที่ 12 บริการที่จุดเดียว
วันนี้เราพูด วันสต๊อปเซอร์วิส แต่ในหลวงตรัสไว้เกิน20ปีมาแล้ว ศูนย์ศึกษาพัฒนา 6แห่ง ทั่วประเทศให้บริการจุดเดียวมากกว่า 20 ปี ใครทันสมัยกันแน่
ข้อที่ 13 ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ
มองธรรมชาติให้ออก กักน้ำตามลำธารช่วยให้ป่าสมบูรณ์ช่วยให้ชาวเขามีอาชีพ เราก็จะลดปัญหายาเสพติดลงไปการช่วยดูแลผู้ติดยา เขาจะไม่กลับไปเสพซ้ำและ สามารถกลับมาช่วยเราอีกแรง ทำให้ได้แนวร่วมเพิ่มขึ้นอยู่แบบสมดุล ซึ่งการจะมองปัญหาออกต้องมีใจว่าง ไม่ลำเอียงต้องมีจิตอันพิสุทธิ์
ข้อที่ 14 ใช้อธรรมปราบอธรรม เอาผักตบชวาที่เป็นปัญหาของเราในประเทศ มากำจัดน้ำเสียเอาปัญหามาช่วยขจัดปัญหา
เอาปัญหายาเสพติด มาช่วยพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมของคนไทยกันดีกว่าแผ่นดินธรรม แผ่นดินทองควรจะเฟื่องฟูได้แล้ว
ข้อที่ 15 ปลูกป่าในใจคน
ต้องปลูกป่าที่จิตสำนึกก่อน ต้องให้เห็นคุณค่าก่อนที่จะลงมือทำการดูแลปัญหายาเสพติด ถ้าคน ทำหน้าที่นี้ยังทำเพราะเป็นหน้าที่ ง านสำเร็จได้ยาก แต่ถ้าทำด้วยความดีใจที่ได้ช่วยลูกเขาให้กลับคืนสู่อ้อมอกพ่อแม่ได้เพียงหนึ่งคน ซึ่งคุ้มค่ากว่าได้เงินทองเป็นล้าน
แสดงว่าพลังต่อสู้กับยาเสพติดได้เกิดขึ้นในใจของท่านแล้ว จงปลุกสิงโตทองคำในหัวใจ ให้ตื่นขึ้นมาให้ได้ก่อน
ข้อที่ 16 ขาดทุนคือกำไร
อย่ามองที่กำไรขาดทุนที่เป็นตัวเงินมากจนเกินไป บางครั้งเราได้กำไรจากการขาดทุน ลงทุนมหาศาล ได้ธรรมชาติกลับคืนมา
ลงทุนมหาศาล ได้ลูกคืนมา ลงทุนมหาศาล ได้คนดีๆ กลับมาลงทุนมหาศาล ได้ความรู้ไว้คอยช่วยเหลือ
ข้อที่ 17 การพึ่งตนเอง
ในหลวงทรงสอนให้พวกเราพึ่งตนเอง เพราสังคมบริโภคจะเป็นทาสของผู้ผลิต การพึ่งตนเองได้ทำให้ไม่ต้องเป็นทาสใคร เมื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแล้วพยายามพึ่งตนเองให้ได้
ข้อที่ 18 พออยู่พอกิน
พออยู่พอกินก่อน แล้วค่อยพัฒนาเราขอให้บำบัดให้ได้ก่อน==> ประคับประคอง==> เป็นที่ปรึกษา==>เป็นผู้ช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป
ข้อที่ 19 เศรษฐกิจพอเพียง
เป็นแนวทางการต่อสู้ รับมือความ เปลี่ยนแปลงของโลก การจัดการกับปัญหายาเสพติด ต้องคำนึงถึงเรื่องความพอดีให้ดีโดยอาศัยหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ข้อที่ 20 ความซื่อสัตย์สุจริต จริงใจต่อกัน
คนที่มีความรู้มาก แต่โกง สู้คนที่ไม่เก่ง แต่ดีไม่ได้ วีรบุรุษ วีรสตรี คือคุณธรรม ที่ทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น พวกเราที่ทำงานยาเสพติด คือ วีรบุรุษ วีรสตรีผู้หนึ่ง
ข้อที่ 21 ทำงานอย่างมีความสุข
“ทำงานกับฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้ ฉันมีแต่ความสุขที่ร่วมกันในการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น เท่านั้น”ทำอะไรต้องมีความสุขด้วย เพราะศึกครั้งนี้ยาวนาน ถ้าเราทำอย่างไม่มีความสุขจะแพ้แต่ถ้าเรามี ความสุข เราจะชนะ เพียงแต่คนทำงานเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมีความสุข
สนุกกับการทำงานเพียงเท่านั้น ถือว่าเราชนะแล้ว
ข้อที่ 22 ความเพียร
กว่า 60 ปีที่ทรงงาน ในหลวงไม่เคย ทรงท้อถอย ไม่มีการลาพักร้อน หยุดงานสักเวลาเดียว
ข้อที่ 23 รู้ รัก สามัคคี
คิดเพื่องาน รู้ = ต้องรู้ปัจจัย รู้ปัญหา รู้ทางออกของปัญหา
รัก = เมื่อรู้แล้ว ต้องเกิดความอยากในทางที่ดีก่อนคือฉันทะเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อ ประเทศชาติภูมิใจ อยากทำ
สามัคคี = ลงมือปฏิบัติ ต้องร่วมมือเพื่อเกิดพลังแยกกันไร้ค่า รวมกันไร้เทียมทาน คิด เพื่อตัวเราเอง
รู้ = รู้จักทุกคนทั้งหน้าที่การงาน ชีวิต ครอบครัวทำอย่างไร จึงจะรู้จักให้ดีได้ รู้จุดอ่อน จุดแข็งโดย เฉพาะผู้บังคับบัญชา
รัก = เน้นความดี ใส่ใจกันและกัน มองกันในแง่ดี
สามัคคี = จึงจะเกิด
คัดลอกแนวทางทรงงานของพระองค์ท่าน หลัก 23 ข้อ ในการทรงงานของในหลวง เว็ป : โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เพื่อขอน้อมรับไว้เป็นแนวทางในทางปฏิบัติหน้าที่การงาน ด้วยความเทิดทูนต่อพระองค์ทานตลอดไป..
หนังสือเกี่ยวกับพ่อหลวงที่มีค่า
จากพระราชดำรัสในหลวง.."ทำงานกับฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้ ฉันมีแต่ความสุขที่ร่วมกันในการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นเท่านั้น"
วันนี้ ขอรวบรวมหนังสือ ที่ควรค่าแก่การศึกษายิ่งนัก
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
ขอขอบคุณ ภาพ http://www.chulabook.com
หนังสือเกิดวังปารุกส์
แรงบันดาลใจจากพระองค์ในการกีฬาและออกกำลังกาย


หนังสือ 9 เล่มทีต้องตามอ่านในชีวิตนี โดย : ดร.โชติชัย สุวรรณาภรณ์
ก่อนอื่นต้องขอกราบขอบพระคุณในการเขียนชี้แนะของอาจารย์จริงๆค่ะ ถือว่าเป็นวิทยาทานเป็นประโยชน์ต่อบุคคลอื่นจริงๆ
วันนี้ ต้องขอบอกว่า เจอบทความที่เป็นประโยชน์มากๆ ขอเก็บไว้เลยค่ะ
หนังสือ 9 เล่มทีต้องตามอ่านในชีวิตนี
โดย : ดร.โชติชัย สุวรรณาภรณ์
จากการอ่านหนังสือทางวิชาการในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ผมได้คัดเลือกหนังสือดีที่ควรอ่านในชีวิตนี้ 9 เล่ม โดยเป็นหนังสือที่ผมได้เลือกจากหนังสือที่เคยอ่านในช่วงตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอก และเป็นหนังสือที่ได้จากการแนะนำของศาสตราจารย์ ผู้รู้ นักคิด นักวิชาการในสมัยที่อยู่ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกาและเยอรมันนี หากท่านอยากจะได้หนังสือดีมีคุณค่าและช่วยสร้างพลังความคิด นี่คือหนังสือ 9 เล่มที่ควรเก็บไว้อ่านในชีวิตนี้
1.หนังสือเรื่อง The Wealth of Nations โดย Adam Smith ผู้ซึ่งได้ทำให้เศรษฐศาสตร์กลายเป็นสาขาวิชาที่สำคัญที่สุดสาขาหนึ่ง เขาได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งเศรษฐศาสตร์ หนังสือของเขาสอนให้เรารู้ว่าเศรษฐกิจของประเทศทำงานอย่างไรด้วยมือที่มองไม่เห็น “Invisible Hand”
2. หนังสือเรื่อง Lombard Street : A Description of the Money Market ผู้แต่งคือ Walter Bagehot เป็นหนังสือคลาสสิกที่ให้หลักคิดด้านเศรษฐศาสตร์ในเรื่องหลักของเงิน ธนาคารและระบบการเงิน หนังสือเล่มนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ต้องการเข้าใจพฤติกรรมและกลไกตลาดการเงิน ความสัมพันธ์กับการค้าและระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งวิกฤตการณ์ทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เมื่อเกิดวิกฤติศรัทธาในระบบธนาคารหรือความน่าเชื่อถือของธนาคารกลางหายไป ตลอดจนการบริหารจัดการกับความเสี่ยงและวิกฤติการเงินที่ถูกต้อง หนังสือเล่มนี้เขียนเมื่อปี ค.ศ.1873 หรือกว่า 133 ปีที่แล้ว แต่หลักคิดยังใช้ได้อยู่จนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีสร้างความเชื่อมั่นในตลาดการเงินและหลักที่ธนาคารกลางควรใช้ในการจัดการกับวิกฤตการณ์ทางการเงิน และยังเสนอให้ใช้ผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นอิสระเป็นผู้บริหารธนาคารกลางของประเทศ (แทนบุคคลภายในธนาคารกลางเอง) Lombard Street เป็นชื่อของย่านธุรกิจการเงินในกรุงลอนดอนและเป็นที่เกิดของตลาดการเงินที่เก่าแก่ที่สุดของโลก
3. หนังสือเรื่อง The Competitive Advantage of Nations และ Competitive Strategy โดย Michael Porter ซึ่งอธิบายถึง ความได้เปรียบในเชิงแข่งขันได้มาจากองค์กรที่ต้องทำตัวให้พร้อมในการปรับตัวเข้ากับสภาวการณ์เฉพาะที่เกิดขึ้นและความตระหนักรู้ในตลาดที่ตนอยู่และปรับตัวกับตลาดนั้นได้มากเท่าไร Porter ได้คิดค้นพัฒนากลยุทธ์ทั่วไป (Generic Strategies) และกำหนดปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการแข่งขัน (Competitive Forces) 5 ประการ ซึ่งสามารถนำไปใช้กับอุตสาหกรรมต่างประเภท 5 กลุ่ม ได้แก่อุตสาหกรรมที่ยังเปราะบาง เพิ่งเกิดใหม่ เติบโตเต็มที่ ตกต่ำ และอุตสาหกรรมระดับโลก แนวคิดของ Porter มีความชัดเจน มีเหตุมีผลที่มิอาจปฏิเสธได้ เพื่อตรวจสอบขีดความสามารถเชิงแข่งขันภายในองค์กร Porter สนับสนุนให้ใช้เครือข่ายแห่งคุณค่า (Value Chain) ซึ่งเป็นการวิเคราะห์กระบวนการและปฏิสัมพันธ์ระหว่างส่วนต่างๆ ขององค์กร เพื่อกำหนดออกมาให้ได้ว่า ตรงจุดไหนสามารถเพิ่มคุณค่าให้แก่สินค้าหรือบริการและเพิ่มอย่างไร ในหนังสือเรื่อง The Competitive Advantage of Nations Porter ศึกษาขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศชั้นนำทางเศรษฐกิจของโลก 8 แห่ง พบว่า บริษัทในประเทศใดก็ตามที่สภาวะการแข่งขันในตลาดภายในประเทศของตนเองมีความเข้มข้นมากที่สุด มักจะมีแนวโน้มปรับปรุงให้ดีขึ้นได้เร็วที่สุด Porter ได้วางกรอบแนวคิดว่าด้วย National Diamond โดยระบุปัจจัย 4 ประเภท ที่มีอิทธิพลต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศชาติอันได้แก่ ทรัพยากร อุตสาหกรรม ที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนกัน ลูกค้าที่มีอุปสงค์มาก (หรือตลาดภายในประเทศที่มีความต้องการมาก) และการแข่งขันภายในประเทศ หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่ผมชอบมากที่สุดเล่มหนึ่ง
4. หนังสือเรื่อง The Fifth Discipline โดย Peter M. Senge ผู้ผลักดันศัพท์องค์กรแห่งการเรียนรู้ “The Learning Organization” โดยให้แนวคิดที่สำคัญที่องค์กรต้องตระหนักถึงภัยคุกคามและโอกาส รวมถึงวินัยต่างๆ ที่พนักงานและองค์กรต้องมี เพื่อเปลี่ยนองค์กรที่ด้อยประสิทธิภาพให้กลายเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ด้วย 5 หลักแนวคิด System Theory, Personal Mastery, Mental Models, Shared Vision และ Team Learning
5. หนังสือเรื่อง Chasing Daylight : How My Forthcoming Death Transformed My Life โดย Eugene O’ Kelly หนังสือเล่มนี้แต่งโดยผู้เขียนซึ่งเป็นประธานและเจ้าหน้าที่บริหารสูงสุดของบริษัทที่ปรึกษาการเงินและบัญชีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก บริษัท KPMG ผู้ซึ่งหมอบอกว่า เขามีมะเร็งในสมองและเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 100 วัน เขาจึงใช้เวลาในช่วงที่เหลืออยู่นั้นเขียนหนังสือเล่มนี้ สอนให้คนอ่านรู้ว่าทำอย่างไรถึงจะอยู่อย่างมีความหมาย ถึงแม้จะเป็นระยะเวลาอันสั้นก็ตาม เขาเปรียบความตายที่กำลังจะมาเยือนเหมือนกับเกมของกอล์ฟที่กำลังจะจบลง ณ สิ้นวัน ในขณะที่การเล่นกอล์ฟกำลังดำเนินไป ตะวันเริ่มงวดลง เงาของแสงตะวันทอดยาวขึ้น ผู้เล่นไม่ต้องการให้เกมจบลง พวกเขาเล่นแข่งกับแสงตะวันที่กำลังงวดลง เหมือนกับการไล่ล่าแสงตะวัน ในขณะที่เกมกำลังจะจบลง ด้วยข้อคิดที่ยอดเยี่ยมที่กล่าวมาแล้วข้างต้น หากท่านยังไม่เคยอ่านหนังสือที่คนเขียนได้เขียนในขณะที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย ท่านควรลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดู
6. หนังสือเรื่อง A Random Walk Down Wall Street โดย Burton G. Malkiel เป็นหนังสือที่ให้แนวคิดด้านการลงทุนที่ไม่ได้เขียนโดยนักขาย “Salesman” แต่เขียนโดยนักเศรษฐศาสตร์การเงิน “Financial Economist” เป็นหนังสือที่สอนด้านการลงทุนที่ดีที่สุดตั้งแต่ยุคบุกเบิกของคอมพิวเตอร์จนถึงการล่มสลายของธุรกิจดอทคอม “Random Walk” หมายความว่า ราคาของหุ้นในระยะสั้นไม่สามารถทำนายได้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง การเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นเอาแน่เอานอนไม่ได้ นักลงทุนที่ไม่พยายามทำกำไรจากการทำนายการเคลื่อนไหวของตลาด สามารถทำกำไรได้มากกว่านักเก็งกำไรที่พยายามทำกำไรจากการทำนายระยะสั้น นักลงทุนควรอ่านหนังสือเล่มนี้ทุกครั้งก่อนตัดสินใจลงทุน
7. หนังสือเรื่อง Blue Ocean Strategy โดย W. Chan Kim และ Renee Mauborgne หนังสือเล่มนี้ให้หลักและแนวคิดที่เป็นระบบแต่ไม่เหมือนใครในการกำหนดกลยุทธ์ที่ทำให้การแข่งขันจากภายนอกลดลงและผลตอบแทนมากขึ้น โดยอิงกับงานวิจัยที่เชื่อถือได้ เป็นหนังสือที่ผู้ประกอบการทั้ง SME และรายใหญ่ควรอ่านเป็นอย่างยิ่งครับ
8. หนังสือเรื่อง Prisoner’s Dilemma โดย William Poundstone เป็นหนังสือที่ให้มุมมองแบบ 3 มิติของทฤษฎี Game Theory โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณี Prisoner’s Dilemma ที่ทำให้ผู้อ่านได้คิดอย่างลึกซึ้ง และยังถ่ายทอดปรัชญาความคิดของนักคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่ง John Von Neumann
9. หนังสือเรื่อง In Search of Excellence โดย Tom Peters และ Robert Waterman เป็นหนังสือด้านการจัดการที่ทรงอิทธิพลและปลุกเร้าความคิดที่มุ่งหาความเป็นเลิศ เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดตลอดกาล
หากท่านอ่าน 9 เล่มนี้จบแล้วและยังมีเวลาพอสมควร ท่านน่าจะพิจารณาอ่านหนังสืออีก 11 เล่ม ดังต่อไปนี้
- The Singapore Story : Memoirs of Lee Kuan Yew โดย Lee Kuan Yew
- Development as Freedom โดย Amartya Sen ผู้ซึ่งได้รับรางวัล Nobel Prize สาขาเศรษฐศาสตร์ ในปี 2540 ในช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจในเอเชีย
- The General Theory of Employment, Interest and Money โดย John Maynard Keynes
- Financial Shenanigans โดย Howard Schilit เป็นหนังสือที่สอนให้เราจับกลโกงทางการเงิน รวมทั้งงบการเงินและการบัญชี
- Capitalism and Freedom โดย Milton Friedman ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ที่ดีที่สุดคนหนึ่ง และเพิ่งเสียชีวิตเมื่อเร็วๆ นี้
- Input-Output Economics โดย Wassily Leontief ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ในปี 1973 หนังสือที่อธิบายถึงผลกระทบของความเปลี่ยนแปลงในภาคหนึ่งของเศรษฐกิจต่อภาคอื่นๆ ในระบบเศรษฐกิจ
- Co-Opetition : A Revolution Mindset that Combines Competition and Cooperation : The Game Theory Strategy that’s Changing the Game of Business โดย Adam M. Brandenburger และ Barry J. Nalebuff
- The Moral Consequences of Economic Growth โดย Benjamin M. Friedman ที่อธิบายถึงผลกระทบของการเติบโตทางเศรษฐกิจและกระแสโลกาภิวัฒน์
- Fisher Black and the Revolutionary Idea of Finance โดย Perry Mchrling ท่านที่ชอบหนังสือเล่มนี้ ควรอ่านหนังสือเรื่อง My Life as a Quant : Reflections on Physics and Finance โดย Emanuel Derman
- Small is Beautiful : Economics as if People Mattered โดย E.F. Schumacher เป็นหนังสือคลาสสิกเล่มหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่า เศรษฐกิจขนาดเล็กก็ยอดเยี่ยมได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่โตมากมาย และหลักเศรษฐศาสตร์ที่ดีต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
















โครงการของพ่อมีอยู่ทุกแห่งจริงๆ
โครงการของพ่อมีอยู่ทุกแห่งจริงๆ
ชัยชนะของประเทศนี้ โดยงานของมูลนิธิชัยพัฒนานั้นก็คือ ความสงบ ...เป็น เมืองไทยที่มีความเจริญก้าวหน้า จนเป็นชัยชนะของการพัฒนาตามที่ได้ตั้งชื่อ มูลนิธิชัยพัฒนา ชัยของการพัฒนานี้มีจุดประสงค์ คือ ความสงบ ความเจริญ ความอยู่ดีกินดี"
(พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 4 ธันวาคม 2537)
ขอเล่าเกี่ยวกับโรงพบาบาลล่ะกัน
ช่วงนี้เข้าออกโรงพยาบาลและวัด ส่วนใหญ่ บ่อยๆ เนื่องด้วยภารกิจที่ต้องเกี่ยวขัอง รู้สึกเป็นคนใจเย็นขึ้นมาก ๆ
เหมือนเปลี่ยนโลกตัวเองไปเลย
คนเราก็เท่านี้หนอ ..!!!
ความดีที่คงอยู่
วันนี้ได้มีโอกาสเดินทาง ไปที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
บรรยากาศโดยรอบร่มเย็น เก่าแก่ งานจิตกรรม มีประติมากรรมที่ไม่เคยเห็น
เดินไปอีกนิด ก็มี ร้านค้าผลิตภัณฑ์มูลนิธิชัยพัฒนา จำหน่ายผลิตผลและผลิตภัณฑ์จากพระราชดำริ ซึ่งมีผักปลอดสารพิษอาหารสุขภาพน่ากิน ข้าวทั้งนั้น ทำให้เห็นนวัตถกรรมใหม่ด้านอาหาร พ่อจองเรามองไกลจริงๆ
ตรงกันข้ามก็จะมีสภากาชาด รับบริจาคโลหิต คนเยอะมากๆค่ะ วันนี้ ท่ามกลางบรรยากาศตอนนี้ ทุกคนอาสาเต็มที่ โอวัลตินอร่อย
นอนให้พอ กินข้าวให้อิ่ม ดื่มน้ำให้เยอะ
โรงอาหารสวย ได้เห็นระบบบริหารจัดการเห็นระบบโรงอาหารเค้าสวยงามมากๆ ค่ะ สะอาดสะอ้าน อาหารอร่อย มีร้านหนังสือ ร้านกาแฟ
สรุปวันนี้การเรียนรู้คุ้มมากค่ะ
ในแต่ละวัน มีทั้งเรื่องที่น่ายินดีและเสียใจ ทำให้ได้แง่คิดหลายๆเรื่องเช่นกัน
ปล.ถาพไม่ได้ถ่าย ภาพลองหาดูค่ะ
ภาพสินค้าจากร้านภัทรพัฒน์ สินค้าจากมูลนิธิชัยพัฒนาโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

วันจันทร์, ตุลาคม 03, 2559
หนังสือแนะนำ แนวจิตวิทยา
อ่านสนุกเข้าใจง่ายค่ะ
👍🏼ขุนเขาเกาสมอง
หนังสือเนื้อหาข้างใน เกี่ยวกับเรื่อง ของการทำของมนุษย์ต่างๆหนังสือเล่มนี้น่าสนใจตรงที่ ได้อธิบายพฤติกรรมได้อย่างน่าสนุก
👍🏼สมองเศรษฐี
ส่วนเล่มนี้ เป็นหลักหัวใจของการทำสิ่งต่างๆ ที่มีเรื่องของสมองมาเป็นตัวอธิบาย
👍🏼สมองสงสัยใจตอบ
สนุกเพราะเป็นการอธิบายสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น มีงานวิจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ด้วยการตั้งคำถามว่าทำไม ทำให้เราหาวิธีแก้ปัญหาให้ตัวเองได้
👍🏼กรรมตามสมอง
เหมือนกลับเข้ามาเรียนรู้ตัวเอง !!!
ทำให้รู้วิธีจัดทิศทาง เป็นการเรียนรู้สมองและแนะนำวิธีการใช้
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย
หนังสือแนวเบาๆ วันหยุดค่ะ
ขอบคุณค่ะ 🙏🙏🙏🙏

สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ทำไม NETFLX ถึงมีแต่คนโคตรเก่ง
ทำไม NETFLX ถึงมีแต่คนโคตรเก่ง เน็ตฟลิกซ์ ทำหลายอย่างเพื่อเป็นตัวอย่างเรื่องความจริงใจอย่างหนึ่งคือทำกิจกรรมที่เราเรียกว่า “ริเริ่ม ยกเลิก ...

-
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านได้มีโอกาสเข้าร่วมอบรม ด้วยความสนใจที่อยากพัฒนาตนเอง เรื่อง ISO 3 ระบบ ISO 9001:2015 ,...
-
The Truman Show สิ่งที่ได้เรียนรู้จากหนัง The Truman Show เป็นหนังที่ดูแล้ว เข้ากับบรรยากาศวันนี้เป็นแม่หน่อย สิ่งที่คนทุกคนเกิดมาย่อมอยาก...
-
ก่อนอื่นต้องขอกราบขอบพระคุณในการเขียนชี้แนะของอาจารย์จริงๆค่ะ ถือว่าเป็นวิทยาทานเป็นประโยชน์ต่อบุคคลอื่นจริงๆ วันนี้ ต้องขอบอกว่า เจอบทควา...