วันพุธ, มีนาคม 30, 2559
วิถีชีวิต แห่งตัวตน ในยุคอุตสาหกรรมความเจริญ
วันนี้ เราได้มีโอกาสไปสัมผัส ชีวิต ชาวบ้าน ต.ทับน้ำ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา
งานอาสาขุดตาน้ำเพื่อชุมชนค่ะ ซึ่งขอข้ามมาที่มุม การสร้างวิถีชีวิต ตัวอย่าง
"ศูนย์การเรียนรู้เพื่อชุมชน"
เศรษฐกิจพอเพียง
ในยุคอุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่เน้นวัตถุนิยม ซะส่วนใหญ่ หลายครั้งที่เราประสบปัญหาหลายๆอย่าง ๆวิกฤติทางธรรมชาติ วิกฤติบ้านเมือง
ทุกๆครั้งของการแก้ปัญหาเราจะย้อนมาที่ จุดเริ่มต้น จากการที่เราเคยออกค่ายอาสาหลายๆ ครั้ง เรารู้สึกว่า การใช้ภูมิปัญญา หากใช้อย่างถูกหลักคิดและวิธีการที่ดำเนินไปต่อเนื่อง ชุมชนเข้มแข็งแน่ๆไม่น้อยก็มาก
หลายๆ ครั้งที่เราออกต่างจังหวัดเราจะเห็น เฉพาะคนแก่อยู่ที่บ้าน คนหนุ่มสาวมาทำงานในเมืองกรุง
ภาพของการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวเริ่มลดน้อยถอยลง เรารู้ว่าทุกคนมีเป้าหมายและความต้องการที่แตกต่างกัน สุดแท้แต่ใจต้องการ
วันนี้
เราได้มีโอกาสไปสัมผัสหลายๆ อย่าง ไม่ว่า จะเป็นการปลูกพืช การขุดตาน้ำ
ทำให้เราได้รู้ตัวเองว่า เราเลือนหายกิจกรรมอาสากิจกรรมที่บางครั้งที่เติมเต็มหัวใจเรา
เราได้เรียนรู้หลักคิด วิธีคิดของชุมชน วัฒนธรรมหลายๆ มุม การมองให้เห็นซึ่งปัญหาเพื่อแก้ไข ภาพใหญ่กระจายลงสู่ภาพเล็ก และการทำงานเพื่ออะไรบางอย่างตามเป้าหมายให้สำเร็จ
ซึ่งการที่เราออกไปทำงานเกี่ยวกับค่ายอาสาหรืองาน ที่ใกล้ธรรมชาติมากขึ้น ทำให้เรา
ค้นพบ "วิถีชีวิติ แห่งตัวตน ในยุคอุตสาหกรรมความเจริญ "
บนโจทย์ชีวิตเราเอง
เราไม่ต้องใช้ชีวิต บนความคาดหวังว่าใครจะเป็นอย่างไร
เพราะ ทำให้เราทุกข์ใจ กับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
หากเราทำดีที่สุดแล้ว แม้ในวันนี้ ยังไม่มีใครเข้าใจ
ขอให้เราเชื่อในสิ่งที่เราเห็นก่อนและลงมือทำ
ต่อไป อย่างตั้งใจและทุ่มเทกับมันที่สุด
แล้วลองหาโอกาสไปลงมือทำดูค่ะ
เราอาจพบความหมายของชีวิตมากขึ้น
วันจันทร์, มีนาคม 28, 2559
โลกกว้าง บนการเดินทาง ....
มันมีจุดเริ่มต้นยังไง นะ
มันจะไป ยังไง ต่อนะ ....
มันจะมีจุดจบ เช่นไร
หลายๆครั้งที่เรา คิด ในสมอง มีเป็นหมื่นๆเรื่องใน 1 วัน
ถ้าเราลอง จับความคิดเรา ดูเราจะรู้ว่า เกิดดับ เกิดดับ
การมีสติอยู่กับปัจจุบัน ทำให้เราใช้ชีวิตได้นิ่งขึ้นเยอะ
และเดินต่อไป ข้างหน้าได้ ดีขึ้น บนโลกกว้างของการเดินทางที่มีอะไร จดจำ มากมาย
การเดินทางก็เหมือนหนังสือ ปิดทุกอย่างบ้าง เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้ตัวเองผ่านโลกกว้างของการเดินทาง
วันอาทิตย์, มีนาคม 27, 2559
ถ้าเปรียบ #ผู้บังคับบัญชา คือ #เพซเซอร์ ในการวิ่ง
ถ้าเปรียบ #ผู้บังคับบัญชา คือ #เพซเซอร์ ในการวิ่ง
What is Pacer? … เพซเซอร์คืออะไร?
เพซเซอร์ (pacer) หรือ pace maker คือกลุ่มนักวิ่งที่อาสาเป็น นักวิ่งนำเวลาในสนามมาราธอน เช่น ถ้านักวิ่งอยากจบมาราธอนใน 4 ชม. คุณต้องวิ่งตาม pacer กลุ่ม 4:00 หรืออยากจบก่อน 5 ชม. คุณก็ต้องทำทุกทาง เพื่อหนีนักวิ่งผูกลูกโป่ง 5:00 ที่ไล่ตามหลังมาให้ได้ เป็นต้น
1. เค้าสำรวจเส้นทางการวิ่งมาก ่อน รู้ว่า ทางไหน เนิน ทางไหน ชัน ทางไหน ภูเขา เพื่อบอกให้เราปรับ ท่าทาง ความเร็วการวิ่ง เปรียบเสมือนหัวหน้า ที่เค้าเจอเหตุการณ์ ประสบการณ์ มาก่อน ในเส้นทางนี้ รู้ว่าตัดสินด้วยอะไร
'
'
2. เค้าตรวจความเร้ว ควบคุมระยะทาง กับ เวลา เปรียบเสมือน ต้องทำงานให้ได้ตาม KPI ทบทวน ให้ได้ตามเป้าหมาย และ เวลาที่กำหนด
'
'
3. เค้าจะช่วยเหลือ เมื่อยามที่เราบาดเจ็บ ดูแล จนกว่าจะเดินไหว ถ้าไม่ไหว ก็หยุด
เปรียบเสมือนหัวหน้า ถ้าเราไม่ทำงานไม่ไหว ไม่มีใครบังคับเราได้ ว่าจะไปต่อ จะวิ่งหรือ จะหยุด ถ้าไม่ลุกขึ้นด้วยตนเอง ระยะทางมันไกล ไม่มีใครพยุงเราจนถึงฝั่ง
'
'
4. เพซเซอร์ คือ คนที่เราอาจต้องมารู้จักในส นามนั้น เค้าอาจจะสอนเราในช่วงที่อย ู่สนาม สุดท้าย การวิ่งได้เร็ว หรือ การวิ่งวิ่งให้ ทัน นั่นหมายถึง การซ้อมมาดีแล้ว
การทำงานก็เช่นกัน หัวหน้า ก็ต้องคัดคุณสมบัติ เพื่อให้ เรามาอยู่ในทีม และวิ่งให้ถึงเป้าหมายด้วยก ัน ไม่ว่าสนามนั้นจะเต็มไปด้วย อะไร
'
'
5. หากเราออกไปวิ่ง เยอะ ๆ จะเจอ เพซเซอร์ เราจะได้เทคนิคเล็กๆน้อยๆ จากการวิ่ง การก้าวของผู้นำ การออกแรงของเค้า เราอยากวิ่งได้เร็วเราก็ต้อ งวิ่ง ตามเค้า เหมือนเค้า เหมือนกับ ผู้บังคับบัญชา ที่เป็น ไอดอล ของเรา ที่เราจะเดินตาม เรียนรู้ประสบการณ์ จากเค้าให้มากที่สุด
'
'
6. เพซเซอร์ เค้าซ้อมมาดี เค้าจะวิ่งได้นานได้เร็ว แต่เค้าจะบอกเราเสมอว่า ถ้าวิ่งเร็วให้ไปก่อน ถ้าวิ่งไหวให้ สปีด ถ้าไม่ไหว ให้ช้าลงและกับไปซ้อม เหมือนกับ หัวหน้า ที่คอยชี้แนะ สั่งสอน จนกว่าจะวิ่งแข็งแรง
'
'
7. เพซเซอร์ หรือ ผู้บังคับบัญชา ต่อให้เค้าเคี่ยวเข็ญ บอกวิธี เราขนาดไหน หากใจไม่เปิดรับ หรือ เตรียมพร้อมมาดี สุดท้าย คนที่พาตัวเอง เข้าถึงเส้นชัย ไม่ใช่ เพซเซอร์ แต่ คือ ตัวเราเอง
What is Pacer? ในการทำงานเราคือ ใคร .....^____
What is Pacer? … เพซเซอร์คืออะไร?
เพซเซอร์ (pacer) หรือ pace maker คือกลุ่มนักวิ่งที่อาสาเป็น
1. เค้าสำรวจเส้นทางการวิ่งมาก
'
'
2. เค้าตรวจความเร้ว ควบคุมระยะทาง กับ เวลา เปรียบเสมือน ต้องทำงานให้ได้ตาม KPI ทบทวน ให้ได้ตามเป้าหมาย และ เวลาที่กำหนด
'
'
3. เค้าจะช่วยเหลือ เมื่อยามที่เราบาดเจ็บ ดูแล จนกว่าจะเดินไหว ถ้าไม่ไหว ก็หยุด
เปรียบเสมือนหัวหน้า ถ้าเราไม่ทำงานไม่ไหว ไม่มีใครบังคับเราได้ ว่าจะไปต่อ จะวิ่งหรือ จะหยุด ถ้าไม่ลุกขึ้นด้วยตนเอง ระยะทางมันไกล ไม่มีใครพยุงเราจนถึงฝั่ง
'
'
4. เพซเซอร์ คือ คนที่เราอาจต้องมารู้จักในส
การทำงานก็เช่นกัน หัวหน้า ก็ต้องคัดคุณสมบัติ เพื่อให้ เรามาอยู่ในทีม และวิ่งให้ถึงเป้าหมายด้วยก
'
'
5. หากเราออกไปวิ่ง เยอะ ๆ จะเจอ เพซเซอร์ เราจะได้เทคนิคเล็กๆน้อยๆ จากการวิ่ง การก้าวของผู้นำ การออกแรงของเค้า เราอยากวิ่งได้เร็วเราก็ต้อ
'
'
6. เพซเซอร์ เค้าซ้อมมาดี เค้าจะวิ่งได้นานได้เร็ว แต่เค้าจะบอกเราเสมอว่า ถ้าวิ่งเร็วให้ไปก่อน ถ้าวิ่งไหวให้ สปีด ถ้าไม่ไหว ให้ช้าลงและกับไปซ้อม เหมือนกับ หัวหน้า ที่คอยชี้แนะ สั่งสอน จนกว่าจะวิ่งแข็งแรง
'
'
7. เพซเซอร์ หรือ ผู้บังคับบัญชา ต่อให้เค้าเคี่ยวเข็ญ บอกวิธี เราขนาดไหน หากใจไม่เปิดรับ หรือ เตรียมพร้อมมาดี สุดท้าย คนที่พาตัวเอง เข้าถึงเส้นชัย ไม่ใช่ เพซเซอร์ แต่ คือ ตัวเราเอง
What is Pacer? ในการทำงานเราคือ ใคร .....^____
วันศุกร์, มีนาคม 25, 2559
ยอมปล่อยเพื่อหาทางใหม่ .....เพราะการที่ไม่ยอมปล่อยอาจทำให้เราสูญเสียทุกทาง
หลายครั้งที่เราหลงทาง ทุกอย่างประเดประดังเข้ามายังก่ะ คลื่นกระเทาะฝั่ง ครั้งแล้วครั้งเล่า
ทำให้เราจิตใจอ่อนไหว อยู่สมอ ....หากเราเดินไปไม่หยุด หรือไปต่อไม่ได้ เพราะ เราเลือกที่จะแบก เก็บทุกอย่างไว้ ........ทำให้เราไปไหนไม่ได้ไกล
การถอยออกมาและเลือกที่จะปล่อย บางสิ่งบางอย่าง ออกไป ให้หมด
เราอาจจะได้พบหนทางใหม่ๆ ในการเดินทาง
ขอจงเชื่อมั่นตนเองเข้าไว้ แม้ว่าวันนี้ แสงปลายทางของคุณยังมืดมน
การสูญเสียทุกอย่างบางครั้งเกิดจากการที่เราไม่ปล่อยอะไรซักอย่างเลย
การยอมแพ้ไม่ใช่เรื่องน่าวิตก
แต่การยอมรับความจริไม่ได้ ทำให้เราแก้ไขทุกอย่างไม่ได้กว่าเดิม
วันพฤหัสบดี, มีนาคม 24, 2559
เกิดเป็น HR ต้องแคร์ใคร ?
สรุปบทเรียนที่ได้
จากการเข้าสัมนา HR
ต้องแคร์ใคร
ประจำวันที่
24
มีนาคม 2559
1. บริบทโดยรวมของ
HR
(บทบาทมุมอง)
ในเรื่องของการมองบทบาทการเป็น
HR ท่านวิทยากรให้ความเห็น โดยยกตัวอย่าง 3 Sector เป็นในเรื่องของ ระดับบริหาร CEO
– President line
Manager และ สุดท้ายคือ บทบาทตัวของพนักงาน ที่มองในทัศนะบทบาทที่แตกต่างกัน
โดยสำคัญ คือ HR ต้องยืนในบทบาทของแต่ละคนก่อนให้เข้าใจทัศนวิสัยในการทำหน้าที่
เพื่อที่จะเลือกทำหรือเดินในกลยุทธ์ที่ให้เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา ที่วิทยากรยกตัวอย่างมาในส่วนของ HR ต้องรู้ว่าพนักงานหรือในแต่ละส่วนต้องการอะไร
-
CEO ต้องการ HR ในบทบาท เชิงรุกที่สามารถบริหารต้นทุน มองไปข้างหน้า อนาคตการวางแผน
เปรียบเทียบช่วยเป็นมือขาวของผู้บริหาร ต้องรู้ธุรกิจที่ทำและธุรกิจคู่แข่ง
-
Line Manager การกำหนดบทบาทที่
ส่วนนี้ต้องมีหน้าที่ในการบริหารจัดการคนเพื่อกำหนดหน้าที่ HR ต้องส่งมอบบริการที่รวดเร็ว เพื่อให้ สายการทำงาน Flow
-
ส่วนตัวพนนักงาน HR
ต้องมีส่วนช่วยในการกำหนดและรู้ความต้องการของแต่ละคนเพื่อออกแบบ
ในเรื่องของ Compensation ,
Welfare รวมถึงระบบการประเมินผลที่ยุติธรรม และโอกาสในการพัฒนาของพนักงาน
2. ปัจจัยหลักที่ทำให้
HR
สามารถสร้างคุณค่าให้กับองค์กร
ความพร้อมในการเป็น Professional
การรู้ Market share ของธุรกิจ วิทยากรยกตัวอย่างมาในเรื่องของ
การแจ้งผลการรับพนักงานสรรหาคนเข้าทำงาน เราแจ้งเค้าหรือเปล่า ว่าไม่ได้รับ
เพื่อที่จะสร้าง ความสัมพันธ์ของคนในองค์กรและความเชื่อถือ
3. การบริหารคนที่ต้องมีความสัมพันธ์กันให้รอบด้าน
ทางวิทยากรให้ความเห็นว่า
การแบ่งหน้าที่ในส่วนที่รับผิดชอบ แต่ละบทบาทต้องทำงานสัมพันธ์กันใน ด้านธุรกิจและภายในองค์กรทั้งส่วนของพนักงาน
บริหาร และ ลูกค้าหลายๆบริษัทเป็นการจ้าง ที่ปรึกษามากขึ้น เพื่อผลักดันความสำเร็จขององค์กร
4.
ทักษะที่
HR ควรมีในยุคปัจจุบัน และอนาคต
เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของบุคคลในอนาคตเช่น คนแต่ละ Generation ตรงนี้ทางวิทยากรยกตัวอย่างในส่วน ของ HR
ต้องเป็น Business Partner (HRBP) Model ยกตัวอย่าง
SCG ที่มีการแยก HR มาเป็นหน่วยการเพื่อเป็นส่วนหารายได้
ในการทำงาน มองเป็น Partner และ Support ในแต่ละธุรกิจ
ซึ่งต้องมีประสบการณ์มาก
5.
บทบาทของ
HR ที่ต้องทำในเรื่องการสื่อสาร เช่นวิทยากร ยกตัวอย่างบทบาทด้านการสื่อสาร
ซึ่งในสมัยปัจจุบัน คนต้องการได้รับการยอมรับ การเห็นคุณค่า การมีตัวตนในตัวเองสูง
พูดถึงพนักงานที่ทำงาน Flexible Working (ให้ลูกจ้างเลือกเวลาทำงานที่สะดวก)
ในอนาคต Hr ต้องสมารถวิเคราะห์เลือกได้ว่า
งานไหนที่สามารถทำที่บ้านได้บ้างเพื่ออกแบบโครงสร้างต่างๆได้เหมาะสมและให้ได้งาน
ซึ่ง
การสื่อสารทำความเข้าใจกับพนักงานให้ดี บางองค์กรใความสำคัญในเรื่องนี้
ในส่วนการยกตัวอย่าง
HR ต้องดูในเรื่องของการประหยัดต้นทุนการทำงานและอื่นๆ
ที่ต้องบริหารจัดการ การประเมินที่ต้องเป็นธรรม เพราะ คน Gen-y จะเข้ามาทำงานนั้น ข้อมูลถึงมากขึ้น เค้าจะค่อนข้างแอนตี้ และการทำงานที่สร้างสรรค์มากขึ้น
เช่น การเปลี่ยน Process การทำงานให้ดีขึ้นเช่น การลดต้นทุน
กระดาษ การสร้างนวัตกรรมการปรับกระบวนการทำงาน
6.
บทบาทของ
HR ยุคใหม่
Hr ต้องเป็นผู้เล่น จากเดิมที่เป็นส่วน support
อย่างเดียว เข้าไปสู่การลงลุยงานและเพิ่มบทบาทกลยุทธ์มากยิ่งขึ้น
เพื่อผลักดัน KPI ต้องรู้และผลักดันทุกบทบาท การเงิน กรบวนการทำงาน การตลาด ที่ในยุคปัจจุบัน HR Marketing มากขึ้น
เพื่อส่งต่อบริการและ service ที่มากขึ้น ต้องผลักดันให้เกิด
attract Retain Motivate แต่ละองค์กรต้องมี Barnd
จริยธรรมและการเรียนรู้ CEO – President line Manager และ สุดท้ายคือ บทบาทตัวของพนักงาน ทำหน้าที่ต่างกัน
5.
การนั่งบทบาทของแต่ละหน้าที่ เช่น การรู้ Mindset ของ CEO Manager และ และพนักงาน ความเข้าใจในบทบาท
ธุรกิจ การผลักดันให้ CEO สามารถวักคุณค่าของ งาน HR ได้ HR ต้องเข้าใจ ต้นทุน การประหยัดและ
การหารายได้จาก Product ที่มี
ช่วงที่ 2 จะเป็นการ
ความรู้ในเรื่อง การดูแลพนักงานพูดในเรื่องของการจัดสรรดูแลพนักงานในแต่ละ งาน แต่ละ
gen การสร้างวัฒนาธรรมและวิธีการที่จะทำให้พนักงานมีความสุข
พูด ถึง HR ยุค 3.0 ที่มีบทาทการพัฒนามองมาจาก การตลาดยุค 3.0 ที่เชื่อโยงกับวิทยากรท่านแรกพูดถึง
การเปลี่ยนผ่านไป HR ยุคใหม่ที่ ทำกลยุทธให้เหมาะสมกับ ความสมดุลของชีวิต
เป็น How to การส่งเสริมและเห็นคุณค่าภายใน ให้เหมาะสม กับคนในปัจจุบัน เช่น การจัดกิจจกรรม
ความสุข 8 ประการ การจัดกิจกรรมสวัสดิการเพื่อตอบโจทย์ให้มีความสมดุลมากขึ้น
ซึ่งสุดท้าย วิทยากรให้ความสำคัญในเรื่องการสื่อสาร ตั้งแต่
ตอนรับคน ดูแล พัฒนาให้ผลตอบแทน การสร้างวัฒนธรรมและการบริหารจัดการคน แต่ละ Gen มากยิ่งขึ้น และการให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม
สุดท้ายสิ่งที่ได้เรียนรู้ คือ
วิธีจัดการและการทำงานให้เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน
รวมไปถึงการพัฒนาวิธีการทำงานให้เกิดนวัตกรรมที่ดีมากยิ่งขึ้น และ
ประสบการณ์ของการเจอวิกฤติ
ที่เป็นช่วงเวลาที่ต้องเตรียมคนให้พร้อมเพื่อรับมือกับวิกฤติให้มากที่สุด และในอีก
5 ปีข้างหน้าที่คน Gen จะเข้ามาในองค์กรมากยิ่งขึ้น
การเตรียมพร้อมกลยุทธ์ในการรับคน การออกแบบลักษณะของการทำงาน ค่าตอบแทน
เวลาการทำงาน และที่ทำงานให้สอดคล้องสมกับสภาพที่เปลี่ยนไป ให้องค์กร ซึ่งเนเรื่องที่ HR ต้องทำความเข้าใจและให้ข้อมูลแก่ผู้บริหารได้
ส่วนการจะเลือกแคร์ใครนั้น
ต้องดูและวิเคราะห์สภาพของธุรกิจและให้ความสำคัยกับทุกๆด้าน
ขอบคุณที่ได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องดีๆ ค่ะ
วันพุธ, มีนาคม 23, 2559
Everyday : มหัศจรรย์ของของขวัญ ที่ได้รับ เกิดจากเรา 365 วัน
เช้านี้เป็นเช้าที่สดใสอีกวันหนึ่งค่ะ
มีคำกล่าวหนึ่งนะค่ะว่า "แค่การได้ตื่นขึ้นมาหายใจก็มีความสุขแล้ว "
จงขอบคุณทุกอย่างรอบตัว ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์คนเรา ต้องแยกจิต ใจออกมาระหว่าปัญหากับทางแก้
วันนี้ ได้มีโอกาสอ่านหนังสือ เล่มหนึ่งค่ะ
365 วัน มหัศจรรย์สมาธิ :
Everyday OSHO ไม่ว่าชีวิตจะหยิบยื่นสิ่งใดให้ นั่นคือ "ของขวัญ" แด่คุณ
ผู้เขียน OSHO ผู้แปล กำธร เก่งสกุล
ซึ้งต้องขอบอกก่อนว่าที่เราได้อานเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเมื่อตลอดชีวิตข้าพเจ้าไม่เคยนั่งสมาธิได้นานขนาดนี้ แต่เป็นผลพวงจากการที่ข้าพเจ้าฝึกฝืนใจตนเอง ลุกมาออกกำลังกายตั้งแต่เช้าทำตัวให้ Active ตลอดเป็นเวลา 1 ปี ทำให้เราได้ นั่งสมาธิได้นาน มาก ประมาณชั่วโมงกว่าๆก่อนเข้าทำงาน
จึงหยิบหนังสือเล่มนี้ มาอ่าน อีกครั้ง
ผลจากการที่ได้ ในการอ่านหนังสือเล่มนี้ ทำให้เรารู้อะไรหลายอย่างในแง่มุมของการใช้ชีวิต ในแต่ละวัน 365 วัน
เราไม่อยากเขียนในเชิงปลอบประโลมให้ทุกคนอ่านแล้วรู้สึกดีเพียงชั่วคราว กับบางครั้งหรือในตอนนี้เรามีความรู้สึกแย่อยู่ เพื่อให้รู้สึกดีแค่นั้น แต่หนังสือเล่มนี้ ให้เราได้กลับมาเรียนรู้ภายในตนเอง ก่อนที่ จะเรียนรู้คนอื่น
เรียนรู้ความเป็นเราและธรรมชาติของเรา
แต่จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ เราลองมาทบทวน หรือ ลงมือทำ ว่า เราจะมีผลอย่างไรในการนั่งสมาธิ 365 วัน อย่างน้อยแค่วันละ 15 นาที
ในหนังสือเล่มนี้ ให้ประโยชน์ในด้านทัศนคติ และประโยชน์ของการนั่งสมาธิให้อะไรแก่เรามากมาย
เรามาร่วมกันทำ แบบฝึกหัดนนี้ กัน ค่ะ 365 วันของการนั่งสมาธิ
เราจะเขียนบันทึกจากการนั่งสมาธิ เพื่อพัฒนาตนเอง แล้วเจอกันค่ะ
ไม่ว่า คุณจะอยู่จุดไหนของชีวิตก็ตาม ชีวิตคือการเริ่มต้นเสมอ นั่นคือ เหตุผลว่าทำไมชีวิตจึงงดงามและใหม่สดเหลือเกิน
เจอกัน ลองทำแบบทดสอบ -365- วันนี้ค่ะ
มันอาจเป็น มหัศจรรย์ ไดอารี่ ที่ยอดเยี่ยม
มีคำกล่าวหนึ่งนะค่ะว่า "แค่การได้ตื่นขึ้นมาหายใจก็มีความสุขแล้ว "
จงขอบคุณทุกอย่างรอบตัว ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์คนเรา ต้องแยกจิต ใจออกมาระหว่าปัญหากับทางแก้
วันนี้ ได้มีโอกาสอ่านหนังสือ เล่มหนึ่งค่ะ
365 วัน มหัศจรรย์สมาธิ :
Everyday OSHO ไม่ว่าชีวิตจะหยิบยื่นสิ่งใดให้ นั่นคือ "ของขวัญ" แด่คุณ
ผู้เขียน OSHO ผู้แปล กำธร เก่งสกุล
ซึ้งต้องขอบอกก่อนว่าที่เราได้อานเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเมื่อตลอดชีวิตข้าพเจ้าไม่เคยนั่งสมาธิได้นานขนาดนี้ แต่เป็นผลพวงจากการที่ข้าพเจ้าฝึกฝืนใจตนเอง ลุกมาออกกำลังกายตั้งแต่เช้าทำตัวให้ Active ตลอดเป็นเวลา 1 ปี ทำให้เราได้ นั่งสมาธิได้นาน มาก ประมาณชั่วโมงกว่าๆก่อนเข้าทำงาน
จึงหยิบหนังสือเล่มนี้ มาอ่าน อีกครั้ง
ผลจากการที่ได้ ในการอ่านหนังสือเล่มนี้ ทำให้เรารู้อะไรหลายอย่างในแง่มุมของการใช้ชีวิต ในแต่ละวัน 365 วัน
เราไม่อยากเขียนในเชิงปลอบประโลมให้ทุกคนอ่านแล้วรู้สึกดีเพียงชั่วคราว กับบางครั้งหรือในตอนนี้เรามีความรู้สึกแย่อยู่ เพื่อให้รู้สึกดีแค่นั้น แต่หนังสือเล่มนี้ ให้เราได้กลับมาเรียนรู้ภายในตนเอง ก่อนที่ จะเรียนรู้คนอื่น
เรียนรู้ความเป็นเราและธรรมชาติของเรา
แต่จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ เราลองมาทบทวน หรือ ลงมือทำ ว่า เราจะมีผลอย่างไรในการนั่งสมาธิ 365 วัน อย่างน้อยแค่วันละ 15 นาที
ในหนังสือเล่มนี้ ให้ประโยชน์ในด้านทัศนคติ และประโยชน์ของการนั่งสมาธิให้อะไรแก่เรามากมาย
เรามาร่วมกันทำ แบบฝึกหัดนนี้ กัน ค่ะ 365 วันของการนั่งสมาธิ
เราจะเขียนบันทึกจากการนั่งสมาธิ เพื่อพัฒนาตนเอง แล้วเจอกันค่ะ
ไม่ว่า คุณจะอยู่จุดไหนของชีวิตก็ตาม ชีวิตคือการเริ่มต้นเสมอ นั่นคือ เหตุผลว่าทำไมชีวิตจึงงดงามและใหม่สดเหลือเกิน
เจอกัน ลองทำแบบทดสอบ -365- วันนี้ค่ะ
มันอาจเป็น มหัศจรรย์ ไดอารี่ ที่ยอดเยี่ยม
วันอังคาร, มีนาคม 22, 2559
หนังสือ วิชาแรกวิชา ชีวิต "The First For Life"
วิชาแรก วิชาชีวิต
ความรู้จักคิด ทำให้ชีวิตของคนธรรมดา พลิกขึ้นเป็นนักปราชบัณฑิต หรือทำให้คนที่กำลังตกอยู่ท่ามกลางความทุกข์ ความกดดัน ก็สามารถหลุดพ้นออกมาได้
วันนี้เป็นวันพระ อ่านหนังสือเล่มนี้ เพื่อขัดเกลาใจเราบ้าง สบายๆ วันพระค่ะ
หลักที่นำมาใช้ได้ มากมายคือ
เช่น ในการพัฒนาตนเอง
เช่น ในการพัฒนาตนเอง
สุ จิ ปุ ลิ ฟัง คิด ถาม เขียน
เมื่อเราต้องเลือก สิ่งสำคัญในชีวิต เพื่อลดทอนสิ่งที่ไม่สำคัญ
หลายๆครั้งที่เราเดินทาง จนไปไกล หรือ ไม่รู้ทิศทางของทางที่จะไป
เราวุ่นวายกับเรื่องรอบตัวเต็มไปหมด รับรู้ค้นหาทุกเรื่องมากมายซึ่งๆหลายครั้งไม่ได้ให้อะไรกับชีวิตเราเลย
จนเราลืม ทำสิ่งที่สำคัญ
เราตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า
สิ่งที่เราทำที่ผ่านมาแและสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ให้อะไรกับชีวิตเราบ้าง
ถ้าดีหรือผลที่ได้ มัน ดี เราก็ทำต่อ
แต่ถ้าไม่ได้ เราจะเสียเวลาทำไม
หลายๆครั้งในชีวิตที่เรา หมดเวลาไปกับการทำอะไรก็ตามที่ไม่ใช่เป้าหมายของเรา
วันนี้ลองทำใจว่างๆ ลดเวลาบนโลกออนไลน์
อยู่กับตัวเองบ้าง
เพื่อที่จะถามกับตัวเองว่าอะไรบ้างที่สำคัญกับชีวติเรา
เราสามารถลดทอนอะไรได้บ้างที่ทำให้เราเสียเวลากับมันโดยเปล่าประโยชน์
วิธีที่จะพาให้เรา กับไปอยู่กับใจตนเอง ลองหาเวลาช่วงวันหยุดเพื่อที่จะได้ทบทวนชีวิตตนเอง
ตอบคำถามและตอบหัวจตนเองลองดู และเราอาจได้คำตอบ ทำสิ่งที่สำคัญของชีวิต
บางครั้ง มันอาจทำให้เรา ได้ตอบตัวเองว่า
เมื่อเราต้องเลือก สิ่งสำคัญในชีวิต เพื่อลดทอนสิ่งที่ไม่สำคัญ
ให้ชีวิตเราได้อะไรมากขึ้น
เพราะเวลาในแต่ละวัน มี 24 ชั่วโมง 8 ทำงาน 8 นอน 8 ชั่วโมงที่จะเปลี่ยนชีวิตเรา
แล้วเจอกันใหม่ ค่ะ
^____^
วันจันทร์, มีนาคม 21, 2559
หนังสือ สมองเศรษฐี (หากชีวิตไม่มีความสุขลองเปลี่ยนไอเดียในการใช้ชีวิต)
(หากชีวิตไม่มีความสุขลองเปลี่ยนไอเดียในการใช้ชีวิต)
สวัสดี เช้าวันจันทร์ ทุกท่านค่ะ
วันนี้ เจ้าของบล็อก ได้อ่านหนังสือ สมองเศรษฐี
คนเราเกิดมาเพื่อที่จะทำอะไรบางอย่าง แน่นอนค่ะ
ก็ต้องมีคน คิดว่า มีความสุข ดีอยู่แล้ว หรือบางคน ไม่มีความสุข
ไม่ผิดค่ะ ที่คนเราจะคิดต่างกัน แต่ถ้าเรายังไม่มีความสุข
เราลองเปลี่ยนความคิดๆ ข้อนี้ทุกคน รู้ดีค่ะ
หนังสือ สมองเศรษฐี อ่านจบมาล่ะ 1 รอบ ได้อะไร น่ะเหรอค่ะ
เรารู้สึกสึกว่าเราได้ไอเดียในการใช้ชีวิต การปรับปรุงชีวิตให้ดีขึ้น
เราว่าหนังสือ ทุกเล่มมีประโยชน์ ค่ะ
แต่อยู่ที่ว่าเราอ่านและปรับใช้กับ จริตในการใช้ชีวิตของเรามากน้อยแค่ไหน
สิ่งที่ได้ในการนำมาใช้คือ โมเดล ไอเดีย ที่ได้ 3 ็H คือ ็Head Hand Heart
การใช้ ไอเดีย การลงมือทำ และความฝัน เพื่อความสำเร็จในทุกๆด้าน ลองนำไปปรับใช้ดู
ค่ะ
ลองใช้ความรักนำทาง
หนังสือ 1 เล่มอ่านแล้วยังไง ก็ได้อะไรไม่เท่ากัน
แต่ บางครั้ง หนังสือ 1 เล่มอาจเปลี่ยนเราทั้งชีวิต
สรุปประสบการณ์ที่แชร์จากการได้อ่านหนังสื ค่ะ
สวัสดี เช้าวันจันทร์ ทุกท่านค่ะ
วันนี้ เจ้าของบล็อก ได้อ่านหนังสือ สมองเศรษฐี
คนเราเกิดมาเพื่อที่จะทำอะไรบางอย่าง แน่นอนค่ะ
ก็ต้องมีคน คิดว่า มีความสุข ดีอยู่แล้ว หรือบางคน ไม่มีความสุข
ไม่ผิดค่ะ ที่คนเราจะคิดต่างกัน แต่ถ้าเรายังไม่มีความสุข
เราลองเปลี่ยนความคิดๆ ข้อนี้ทุกคน รู้ดีค่ะ
หนังสือ สมองเศรษฐี อ่านจบมาล่ะ 1 รอบ ได้อะไร น่ะเหรอค่ะ
เรารู้สึกสึกว่าเราได้ไอเดียในการใช้ชีวิต การปรับปรุงชีวิตให้ดีขึ้น
เราว่าหนังสือ ทุกเล่มมีประโยชน์ ค่ะ
แต่อยู่ที่ว่าเราอ่านและปรับใช้กับ จริตในการใช้ชีวิตของเรามากน้อยแค่ไหน
สิ่งที่ได้ในการนำมาใช้คือ โมเดล ไอเดีย ที่ได้ 3 ็H คือ ็Head Hand Heart
การใช้ ไอเดีย การลงมือทำ และความฝัน เพื่อความสำเร็จในทุกๆด้าน ลองนำไปปรับใช้ดู
ค่ะ
ลองใช้ความรักนำทาง
หนังสือ 1 เล่มอ่านแล้วยังไง ก็ได้อะไรไม่เท่ากัน
แต่ บางครั้ง หนังสือ 1 เล่มอาจเปลี่ยนเราทั้งชีวิต
สรุปประสบการณ์ที่แชร์จากการได้อ่านหนังสื ค่ะ
วันอาทิตย์, มีนาคม 20, 2559
"ติดสุขให้เป็น" Change Your Thinking , Change Your Life.
Change Your Thinking , Change Your Life.
สวัสดีค่ะ วันนี้ รู้สึกเป็นวันที่ สมองปลอดโปร่งสุดๆ ..
ขอแชร์ประสบการณ์ จากการเล่นกีฬา เพื่อที่ตัวเองจะรักษาอะไร บางอย่างในร่างกายให้หายเป็นปกติต้องต่อสู้กับใจตัวเองมากพอสมควร เอาเป็นว่า ประสบความสำเร็จ หายแล้ว
(ยาวไปที่จะมาเล่าอดีตเอาเป็นว่าประหยัดทั้งเงินและหลายๆอย่างในชีวิตเราเปลี่ยนไป ) จุดประสงค์ที่เขียน สิ่งเหล่านี้ขึ้น ก็เพื่อจะบอกว่า หากมีเป้าหมายด้านสุขภาพและการลดน้ำหนักเราทำมันได้ หากเราลุกขึ้นมาทำมันจริงๆ และมีวินัย (ใช่ทุกคนรู้กฏข้อนี้ดี)
เชื่อว่า วัยรุ่นผู้หญิง ทุกคนอยากสวย อยากดูดี เพื่อที่จะมีโอกาสอะไร มากขึ้้น ไม่ว่าจะตั้งเป้า ลดน้ำหนัก หรือเพื่อให้มีสุขภาพดี คุณทำมันได้ และคุณจะมีความสุขมาก การออกกำลังกายไม่ใช่เพียงเพื่อให้เรา ได้สุขภาพดีเท่านั้น มันมี อินเนอร์ (Inner) และพลังแห่งความกระตือรือล้นซ่อนอยู่ ฝึกฝนความอดทน ความมีวินัย ในชีวิต
ที่ทำให้เรา สามารถ ทำกิจกรรมระหว่างวันได้ดีทีเดียว ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายหนักขนาดนั้น แถมมีความสุขในการกินอีกด้วย
เพียง แค่ "ติดสุขให้เป็น" มาปรับสุขดีกว่า ค่ะ
ที่สำคัญ ทัศนคติก็ดีขึ้น อย่างมาก คำว่าติดสุข มี 2 แบบ การติดสุขให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน อยู่ที่ว่าเราติดสุขแบบไหน การเปลี่ยนทัศนคติในการใช้ชีวิต ทำให้เรา เปลี่ยนการกระทำ
การออกกำลังกายทำให้เราติดสุข ร่างกายจะมีการหลั่งสารสุข หรือ Endorphin ออกมา ทำให้เรามีความสุขที่รักษาสภาพของความรู้สึกดีไว้ หากเราทำมันจนได้ผล สมองร่างกายจะจำว่า เรามีความสุขในเรื่องนี้ เราก็จะทำมันต่อไป
เหมือนกันตรงกันข้าม หากเราติดสุขในการการอยู่เฉย การนอน การกินมากเกินไป ความสุขของฉ๊านๆๆๆๆๆๆๆ ทำให้เราสบายเกินกว่า ที่จะดีดตัวไป ไม่อยากออกกำลังกายเราก็จะไม่ทำล่ะ เพราะ เราติดสุขในส่วนตัวของเรา สมองก็จะจำการกระทำของเราแบบนี้เช่นกัน จนกว่าเราจะเอาชนะ ความสุขข้อนี้ได้เราจึงจะกล้าไปพบความสุขอีกข้อ
ซึ่งบอกเลยนะคะทรมาร ค่ะ แต่ผลที่ได้เปลี่ยนที เดียว
ติดสุขให้เป็นชีวิตมีความสุขค่ะ
ไม่ว่า จะสุขแบบไหน เหนื่อยเท่ากัน แต่ที่เหนื่อยเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง เป็นเรื่องต้องฝืนใจให้เจอสุขอีกด้นพอสมควร
แนะนำหนังสืออ่านต่อที่สามารถปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ได้ กรรมตามสนอง เอ่อ
"กรรมตามสมอง" ที่เปลี่ยนความคิดและการกระทำเราพอสมควร
ผู้เขียน , : ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร.
ได้บอกเอาไว้ ว่า คนเราทุกคนมีวินัยอยู่แล้ว แต่อยู่ที่ว่า เราใช้วินัยในทางใด
(หนังสือเล่มนี้เขียนได้ดีที่เดียวค่ะ เรื่องของการทำความเข้าใจกับระบบการจัดการความคิดของสมอง เพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุข)

สวัสดีค่ะ วันนี้ รู้สึกเป็นวันที่ สมองปลอดโปร่งสุดๆ ..
ขอแชร์ประสบการณ์ จากการเล่นกีฬา เพื่อที่ตัวเองจะรักษาอะไร บางอย่างในร่างกายให้หายเป็นปกติต้องต่อสู้กับใจตัวเองมากพอสมควร เอาเป็นว่า ประสบความสำเร็จ หายแล้ว
(ยาวไปที่จะมาเล่าอดีตเอาเป็นว่าประหยัดทั้งเงินและหลายๆอย่างในชีวิตเราเปลี่ยนไป ) จุดประสงค์ที่เขียน สิ่งเหล่านี้ขึ้น ก็เพื่อจะบอกว่า หากมีเป้าหมายด้านสุขภาพและการลดน้ำหนักเราทำมันได้ หากเราลุกขึ้นมาทำมันจริงๆ และมีวินัย (ใช่ทุกคนรู้กฏข้อนี้ดี)
เชื่อว่า วัยรุ่นผู้หญิง ทุกคนอยากสวย อยากดูดี เพื่อที่จะมีโอกาสอะไร มากขึ้้น ไม่ว่าจะตั้งเป้า ลดน้ำหนัก หรือเพื่อให้มีสุขภาพดี คุณทำมันได้ และคุณจะมีความสุขมาก การออกกำลังกายไม่ใช่เพียงเพื่อให้เรา ได้สุขภาพดีเท่านั้น มันมี อินเนอร์ (Inner) และพลังแห่งความกระตือรือล้นซ่อนอยู่ ฝึกฝนความอดทน ความมีวินัย ในชีวิต
ที่ทำให้เรา สามารถ ทำกิจกรรมระหว่างวันได้ดีทีเดียว ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายหนักขนาดนั้น แถมมีความสุขในการกินอีกด้วย
ที่สำคัญ ทัศนคติก็ดีขึ้น อย่างมาก คำว่าติดสุข มี 2 แบบ การติดสุขให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน อยู่ที่ว่าเราติดสุขแบบไหน การเปลี่ยนทัศนคติในการใช้ชีวิต ทำให้เรา เปลี่ยนการกระทำ
การออกกำลังกายทำให้เราติดสุข ร่างกายจะมีการหลั่งสารสุข หรือ Endorphin ออกมา ทำให้เรามีความสุขที่รักษาสภาพของความรู้สึกดีไว้ หากเราทำมันจนได้ผล สมองร่างกายจะจำว่า เรามีความสุขในเรื่องนี้ เราก็จะทำมันต่อไป
เหมือนกันตรงกันข้าม หากเราติดสุขในการการอยู่เฉย การนอน การกินมากเกินไป ความสุขของฉ๊านๆๆๆๆๆๆๆ ทำให้เราสบายเกินกว่า ที่จะดีดตัวไป ไม่อยากออกกำลังกายเราก็จะไม่ทำล่ะ เพราะ เราติดสุขในส่วนตัวของเรา สมองก็จะจำการกระทำของเราแบบนี้เช่นกัน จนกว่าเราจะเอาชนะ ความสุขข้อนี้ได้เราจึงจะกล้าไปพบความสุขอีกข้อ
แนะนำหนังสืออ่านต่อที่สามารถปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ได้ กรรมตามสนอง เอ่อ
"กรรมตามสมอง" ที่เปลี่ยนความคิดและการกระทำเราพอสมควร
x
Time : A User's Guide
วันนี้ อ่านหนังสือ เรื่องลับๆ ของเวลา
Time : A User's Guide
Time : A User's Guide
ผู้เขียน Stefan KLEIN เป็นหนังสือแปล
เนื้อหาอธิบายเกี่ยวเวลาในชีวิต
ได้ประโยชน์จากการสร้าง เวลา
การใช้เวลา การทำความเข้าใจ
ได้ประโยชน์จากการสร้าง เวลา
การใช้เวลา การทำความเข้าใจ
ถ้าอ่านหนังสือเล่มนี้ช่วยให้เรานำไปใช้ในชีวิตได้ดีทีเดียว เรื่องของการจัดการเวลา
ยกตัวอย่างเช่น กลไกของร่างการกับเวลา
จากงานวิจัย การออกไปรับแสงแดดเพื่อปรับเวลาตั้งนาฬิกาขีวิต ทำให้ลดความซึมเศร้าลงได้
จากงานวิจัย การออกไปรับแสงแดดเพื่อปรับเวลาตั้งนาฬิกาขีวิต ทำให้ลดความซึมเศร้าลงได้
สำหรับการออกแบบสำนักงานเรื่องของการสร้างสมดุลชีวิตมนการทำงาน เราสามารถปรับองค์ประกอบเรื่องเวลา สถานที่ได้เช่นเดียวกัน
หนังสือ กรรมตามสมอง
วันอาทิตย์แบบนี้
มาพักผ่อนสมอง กับหนังสือ
"กรรมตามสมอง"
มาพักผ่อนสมอง กับหนังสือ
"กรรมตามสมอง"
อ่านแล้ว มีวิธีการจัดระบบความคิดดีขึ้น
การควบคุมตัวเอง ความคิด คำพูด
การกระทำ รวมถึงมีวิธีช่วยฝึกสติ
การควบคุมตัวเอง ความคิด คำพูด
การกระทำ รวมถึงมีวิธีช่วยฝึกสติ
อย่างเช่น การฝึกจิตในเรื่องของวินัยในการสร้างนิสัยที่ดี เพื่อการเปลี่ยนแปลง
การดูแลสมอง และการรู้เท่าทันสมอง
การทำความเข้าในตัวเรา
ตัวอย่างงานวิจัยเยอะ
การทำความเข้าในตัวเรา
ตัวอย่างงานวิจัยเยอะ
เป็นหนังสือ ที่ เริ่มต้นเปลี่ยนแปลง
เหมือน Set-up เครื่องสมอง ทั้งหมด
เพื่อใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ในโลกยุคปัจจุบัน
เหมือน Set-up เครื่องสมอง ทั้งหมด
เพื่อใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ในโลกยุคปัจจุบัน
อ่านง่ายและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ดี
อ่านเพลินจนจบแล้วเปิดอ่านได้ข้อคิดเสมอ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ทำไม NETFLX ถึงมีแต่คนโคตรเก่ง
ทำไม NETFLX ถึงมีแต่คนโคตรเก่ง เน็ตฟลิกซ์ ทำหลายอย่างเพื่อเป็นตัวอย่างเรื่องความจริงใจอย่างหนึ่งคือทำกิจกรรมที่เราเรียกว่า “ริเริ่ม ยกเลิก ...

-
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านได้มีโอกาสเข้าร่วมอบรม ด้วยความสนใจที่อยากพัฒนาตนเอง เรื่อง ISO 3 ระบบ ISO 9001:2015 ,...
-
The Truman Show สิ่งที่ได้เรียนรู้จากหนัง The Truman Show เป็นหนังที่ดูแล้ว เข้ากับบรรยากาศวันนี้เป็นแม่หน่อย สิ่งที่คนทุกคนเกิดมาย่อมอยาก...
-
ก่อนอื่นต้องขอกราบขอบพระคุณในการเขียนชี้แนะของอาจารย์จริงๆค่ะ ถือว่าเป็นวิทยาทานเป็นประโยชน์ต่อบุคคลอื่นจริงๆ วันนี้ ต้องขอบอกว่า เจอบทควา...